วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ติดสัดครั้งที่สิบสี่





ตอนที่ 14



          “ที่จริงแล้ว ราชินีแบคฮยอนยังไม่ตาย...”


            ชานยอลและเซฮุนรวมไปถึงแบคโฮต่างนั่งจ้องมองไปยังบุคคลที่ชื่อยุนจองฮันราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่พูด ชานยอลนั่งทบทวนประโยคนั้นไปมาซ้ำๆในหัว


            แบคฮยอนยังไม่ตาย  


            ใช่คนๆนี้บอกว่าแบคฮยอนยังไม่ตาย!


            “เจ้า...เจ้าพูดอะไรออกมา ขะ..ข้าเห็นกับตา..วะ..ว่า แบคฮยอน...”


            กว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ ชานยอลแทบหาลิ้นของตัวเองไม่เจอ น้ำในตาก็พลัยจะหลั่งไหลริน เขาจ้องไปที่จองฮันอย่างต้องการคำตอบและก็พบว่าแววตาที่จองฮันใช้มองมาที่ตนนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไร้การโกหก


            “จริงขอรับ..ข้ารับรองได้ว่าแบคฮยอนยังไม่ตาย บุคคลที่ช่วยเหลือเขาไว้คือมาคัล มาคัลพาแบคฮยอนที่บอบช้ำไปทั้งตัวหนีฝูงทีซัสที่ระคายว่าแบคฮยอนยังไม่ตายจนมาเจอกับพ่อของข้าที่ท้ายป่าของฝูงไทโร พ่อของข้าเป็นหมอสมุนไพร ก็เลยรักษาแบคฮยอนจนหายดี ยกเว้นความทรงจำของเขาที่มิอาจกู้กลับคืนมาได้เนื่องจากเกิดการกระทบกระเทือนอย่างหนัก..”


            สิ่งมีชีวิตทั้งสามที่อยู่ในห้องนี้เงียบนิ่ง ไร้การตอบสนองเมื่อจองฮันได้บอกกล่าวเรื่องจริงทีไม่มีใครรับรองนอกจากเขาพ่อของเขาละมาคัล


            “และที่แบคฮยอนต้องหนีไปยังโลกมนุษย์เป็นเพราะข้าเอง เพราะฝูงทีซัสเริ่มออกตามล่าหาตัวแบคฮยอนอย่างจริงจังข้าจึงได้ปรึกษากับท่านพ่อจนได้ทางออกคือให้มาคัลพาแบคฮยอนหนีไปยังโลกมนุษยื เพราะคิดว่าที่นั้นจะซ่อนตัวได้ดีกว่าที่นี้...”


            จองฮันพูดได้แค่นั้นก็หลุบตาต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วตัดสินใจเล่าถึงสิ่งสำคัญที่ตนมอบให้กับมาคัลเพื่อให้แบคฮยอนดื่ม


            “ข้าได้นำยาลบความทรงจำที่พ่อข้าเป็นคนปรุงขึ้นมาให้แบคฮยอนกิน ให้เขาลืมความทรงจำของที่นี้ให้หมด เพื่อที่จะได้ไปอยู่ที่โลกมนุษย์อย่างไร้ข้อกังขา เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป...”


            ชานยอลถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือของตัวเองลูบไปที่ใบหน้าทั้งสองข้าง ดวงตาแดงก้ำจากการสกัดกั้นน้ำตา เขาสงสารแบคฮยอน สงสารคนรักจับใจ


            “ยาลบความทรงจำ...อย่างนั้นรึ”


            เป็นเซฮุนที่เอ่ยถามออกมา แต่เหมือนกับเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า จองฮันพยักหน้ารับ พร้อมกับมองไปยังแบคโฮที่ยืนทำหน้านิ่งๆคิ้วขมวดอยู่ข้างหลังชานยอล


          “ขอรับ..ยาลบความจำ แต่ท่านพ่อของข้าไม่ได้ทำยาปรุงสำหรับแก้ขึ้นมาไม่ทันจะสำเร็จ ท่านก็ดัน..มาจากไปเสียก่อน...”


            จองฮันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเมื่อเอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ จองฮันยังจำได้ดีถึงวันที่พ่อของเขาโดนฝูงทีซัสฆ่าไปต่อหน้าต่อตา ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้หนีไปเจอแบคโฮที่ลาดตระเวนอยู่ที่ป่าใกล้ๆนั้น เขาก็คงจะได้ตายตามพ่อเขาไปแล้ว


            เซฮุนพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับส่งสายตาแสดงความเป็นห่วงไปให้ จองฮันก็ต้องเจอกับอะไรมากมาย ไหนทั้งยังต้องหลบๆซ่อนๆการไล่ล่าจากฝูงทีซัสอีก


            “แล้วทำอย่างไร..ความทรงจำของแบคฮยอนจะกลับมา...บอกข้าได้ไหมยุนจองฮัน”


            ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตอนนี้ในใจของเขามันตีรวนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายยากจะบรรยาย ไหนจะความรู้สึกดีใจที่แบคฮยอนยังไม่ตาย และไหนจะความรู้สึกกังวล สับสนและหวาดกลัว...


            “ข้าบอกไม่ได้มากหรอกท่าน เพราะข้าเองก็ไม่รู้ ข้าเองก็รู้เรื่องสมุนไพรแค่พื้นฐาน คงจะไปปรุงยาต่อจากท่านพ่อข้าไม่ได้ แต่ข้าก็หวัง...หวังว่าความรักจากพวกท่านชาวมีคาร์ลจะทำให้แบคฮยอนกลับมาจำได้...โดยเฉพาะท่านกับลูก...”


            ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองจองฮันอีกครั้งหลังจากที่จองฮันพูดจบ เขาเห็นจองฮันยิ้มบางๆมาให้เขา พลางล้วงมือไปในกระเป๋าของเสื้อคลุมสีดำแล้วล้วงเอาบางสิ่งออกมาให้กับชานยอล


            “นี่เป็นสิ่งที่แบคฮยอนนำติดตัวเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่กับพ่อของข้า....”


            จี้โลหะรูปพระจันทร์เสี้ยวครึ่งหนึ่งที่เขาให้ไว้กับแบคฮยอน


            “ข้าแอบเห้นว่าแบคฮยอนชอบมองมันบ่อยๆและแทบไม่ถอดออกจากคอเลย...จนกระทั่งมาคัลพาเขามายังโลกมนุษย์ ข้าเลยเก็บเอาไว้ให้ ถึงแม้แบคฮยอนจะจำเรื่องต่างๆไม่ได้ แต่จิตใต้สำนึกของเขาจำได้ว่าของสิ่งนี้สำคัญกับเขา”


            ส่วนจี้เสี้ยวพระจันทร์อีกเส้น ชานยอลได้ให้ไว้กับมินกิ เพราะทั้งสองคือดวงจันทร์ที่เต็มดวงของชานยอล ปาร์คแบคฮยอนและปาร์คมินกิคือพระจันทร์ดวงโตที่สวยที่สุดของปาร์คชานยอล


          “จงใช้ความรักของท่านและลูก นำความทรงจำของแบคฮยอนกลับมา...ข้าเชื่อในปาฎิหารย์นะท่านชาร์ล...”








            แบคฮยอนลูบไล้ไปตามศีรษะของมินกิน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเบาๆ ใบหน้าสวยหวานอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูให้กับความน่ารักของมินกิที่ดุกี่ทีก็ไม่น่าเบื่อ กลับกันมันกลับแบคฮยอนอยากมองภาพนี้ไปนานๆ       


            “มินกิหลับแล้วหรือขอรับราชินี...”


            เป็นเสียงของลู่หานที่ดังขึ้นจากข้างนอกห้อง ก่อนที่ร่างอรชรของเจ้าตัวจะก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน แบคฮยอนพยักหน้าให้ช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มบาง ก่อนจะหันมามองใบหน้ายามหลับใหลของมินกิอีกครั้ง ลู่หานมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง ภาพสวยงามที่ห่างหายไปนาน


            “ราชินีไปพักผ่อนเถอะขอรับ...ข้าได้ไปจัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวนายน้อยมินกิตื่นจะมาได้ทานอาหารกัน”


            ลู่หานเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปช่วยพยุงแบคฮยอนออกจากเตียงนอนของมินกิ แบคฮยอนค่อยๆก้าวออกมาช้าๆ เพราะเกรงว่าจะรบกวนเวลาการหลับของมินกิ


            “เชิญทางนี้ขอรับ..”


            ลู่หานผายมือไปยังหน้าประตูก่อนจะก่อนๆเดินออกมาเพื่อนำทางให้แบคฮยอนเดินไปยังห้องของชานยอลที่เขาเพิ่งเข้าไปจัดไว้ให้ แต่ก่อนที่ลู่หานจะได้เดินไปไกลก็ต้องชะงักเมื่อแขนของลู่หานถูกแบคฮยอนจับไว้ ลู่หานหันมามองหน้าแบคฮยอนอย่างสงสัยแต่ก็ยังส่งรอยยิ้มบางๆไปให้แบคฮยอนที่ยืนเม้มปากอยู่


            “มีอะไรหรือขอรับราชินี....”


            เอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนยังคงยืนนิ่งอยู่ แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจตีรวนไปด้วยความรู้สึกต่างๆอย่างที่คาดเดาไม่ถึงมาก่อน เพียงแค่มองหน้าลู่หานก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมา แบคฮยอนยิ้มให้ลู่หานก่อนจะเดินเข้าไปกอดร่างของลู่หานเอาไว้แน่น ฝ่ายลู่หานที่นิ่งอึ้งไปก็โอบกอดแบคฮยอนกลับไป ใบหน้าหวานของลู่หานอาบไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาดุจดั่งกวางก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา


                “ขอบคุณนะลู่หาน....ขอบคุณที่ดูแลมินกิมาตลอดน่ะ...”


            ลู่หานระบายยิ้มอีกคราพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม แต่หาใช่น้ำตาแห่งความเศร้าไม่ แต่มันคือน้ำตาแห่งความปิติที่ลู่หานรู้สึกอยุ่ ณ ตอนนี้ เขาทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับแบคฮยอนได้แล้วว่าจะดูแลนายน้อยมินกิให้ดี


            “ขอบคุณที่เชื่อใจลู่หานนะขอรับ...ราชินี..”               









          แบคฮยอนเดินเข้ามาภายในห้องกว้างที่ภายในดูอลังการไปหมดจนแบคฮยอนตกใจ ว่าประสาทที่โลกมนุษย์ของชานยอลหรูแล้ว พอเจอที่นี้เข้าไปจึงรู้ได้ทันทีว่าที่โลกมนุษย์นั่นด้อยค่าไปเลย


            แบคฮยอนเดินสำรวจห้องไปเรื่อยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้น ร่างบางหันไปมองยังต้นเสียงก็พบกับบุรุษร่างสูงใหญ่สง่างามของชานยอลเดินเข้ามา แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆไปให้ชานยอล ก่อนจะได้รับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นกลับมา แต่แบคฮยอนก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของชานยอลที่ใช้มองตนนั้นสั่นระริกและวูบไหวจนแบคฮยอนแปลกใจ ก่อนจะร้องอุทานออกมาเบาๆเมื่อโดนร่างสูงโถมใส่เข้ากอดโดยไม่ทันตั้งตัว


            “ชะ..ชานยอล..”       


            แบคฮยอนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเบาๆ พลางกอดตอบกลับไป ใช้ฝ่ามือบางๆของตัวเองลูบไปที่แผ่นหลังกว้างของชานยอลอย่างปลอบประโลม


            “ยอดรัก...ยอดรักของข้า..”


            ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า พลางจูบซับไปตามลำคอของแบคฮยอนด้วยความคิดถึง คนในอ้อมกอดของชานยอลในตอนนี้คือคนรักของเขา คือแบคฮยอนแม่ของมินกิ แบคฮยอนผู้เป็นคู่ทุกข์คู่ยากของเขา..


            “อื้อออ...”


            ชานยอลพรมจูบไปตามลำคอของแบคฮยอนก่อนจะวกกลับไปจูบซับตามมุมปาก แก้มนุ่ม หางตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว สันจมูกของแบคฮยอน ก่อนจะจบที่ริมฝีปากสีเชอรี่ ก่อจะถอนริมฝีปากอกจากกัน แล้วใช้หน้าผากของตัวเองแนบไปกับหน้าผากของแบคฮยอน


            “ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ ยอดรัก...รักจนมิอาจรักใครได้อีกแล้วในชีวิต ขอบคุณแบคฮยอน ขอบคุณที่ยังอยู่นะยอดรัก...”


            ชานยอลมอบจูบที่ดูดดื่มเกือบปริดชีวิตให้แก่แบคฮยอนอีกครา ก่อนจะค่อยๆช้อนตัวแบคฮยอนขึ้นไว้แนบอก แล้วพาร่างบอบบางของแบคฮยอนไปยังเตียงหลังกว้างที่เขาใช้นอนคนเดียวมาเป็นร้อยปี หลังจากนี้เตียงหลังนี้จะมีเขาและแบคฮยอนกลับมานอนอีกครั้ง


            “ชะ..ชานยอล...อื้อออ”


            แบคฮยอนผลิกใบหน้าไปมาอย่างเสียวซ่าน พร้อมกับเอ่ยชื่อคนด้านบนที่กำลังมอบความสุขให้กับตัวเองอย่างลืมตัว กรงเล็บสวยขูดเกี่ยวไปที่แผ่นหลังกว้างดูสง่าชื่นเหงื่อของชานยอล พร้อมทั้งกรีดร้องออกมาเมื่อตนถึงสุดทางสวรรค์


            ชานยอลหอบถี่หายใจเร็วรัวพร้อมกับโถมกายเข้าในร่างของแบคฮยอนที่นอนอยู่ด้านล่าง ใบหน้าสวยบิดเบ้ไปด้วยความเสียวซ่านยามที่ชานยอลส่งแก่นกายเข้ามาถี่รัว ก่อนจะกรีดร้องออกมาอีกครั้งจนแผ่นหลังโก่งเป็นคันศร เมื่อชานยอลไปถึงจุดสวรรค์อีกคน


            ชานยอลล้มตัวลงโอบกอดร่างชื่นเหงื่อของแบคฮยอนเอาไว้ในแผ่นอกแกร่ง จูบซับไปยังใบหน้าที่ชื่นเหงื่อของแบคฮยอน ร่างบางยังคงนอนหลับตาพริ้มหอบหายใจถี่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะค่อยๆขมวดคิ้วและใช้เล็บจิกลงไปยังลาดไหล่แข็งแรงของชานยอลพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะตอนนี้ร่างของชานยอลกับแบคฮยอนได้ยึดติดกันเป็นที่เรียบร้อย


            แบคฮยอนสะอื้นออกมาเบาๆเพราะความเจ็บและความเซียวซ่าน จิกเล็บลงไปแรงขึ้นจนชานยอลซี๊ดปาก ก่อนจะใช้มือจับใบหน้าของแบคฮยอนให้จ้องมองตนแล้วก้มลงไปจูบเพื่อปลอบใจเด็กน้อยของเขา


            “อื้อออ....”     


            ทั้งสองจูบกันไปชั่วครู่ ก่อนจะเป็นแผบคฮยอนที่ผละใบหน้าออกมาแล้วครางเสียงยาวเมื่อรับรู้ว่าชานยอลได้ส่งน้ำสืบพันธุ์เข้ามาในตัวของตนแล้ว ร่างบางเผยอปากจิ้มลิ้มเพื่อกอบโกยอากาศหายใจอย่างน่าเอ็นดู


            แบคฮยอนค่อยๆปรือตาขึ้นมามองชานยอล ที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆกลับไปให้ชานยอลเช่นกัน ก่อนร่างสูงด้านบนจะก้มลงมาใกล้ใบหน้าแบคฮยอนจนปลายจมูกแนบชิดกัน


            “รัก....ข้ารักเจ้าแบคฮยอน...”


            รัก....


            คำๆเดียวที่ปาร์คชานยอลสามารถบอกแบคฮยอนได้ทุกวัน ตลอดชีวิต......    








          ผ่านไปสองเดือนแล้ว....


            สองเดือนที่แบคฮยอนอาศัยอยู่ที่นี้ ซึ่งทุกคนต่างเรียกว่าฝูงมีคาร์ล สถานที่สวยงามและอบอุ่น แบคฮยอนอธิบายเป็นคำพูดไปถูกเลยว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่ที่นี้กับทุกๆคน


            ผู้คนที่นี้รักและเอ็นดูแบคฮยอนมาก อีกทังยังให้ความเคารพยำเกรงในตัวของแบคฮยอนจนบางทีร่างบางรู้สึกเกร็ง แต่เป็นเพราะชานยอลบอกว่าเขาคือราชินีแห่งฝูงมีคาร์ล เพราะฉะนั้นก็ถูกแล้วที่ทุกคนจะให้ความเคารพรองจากเขาเอง


            “ท่านแม่มาอยู่ที่นี้เอง ข้าตามหาเสียให้วุ่น”


            เสียงเจื้อยแจ้วน่ารักดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนมินกิจะโถมตัวเขาโอบแบคฮยอนเต็มแรงพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักออกมา แบคฮยอนกระชับมือของมินกิที่กอดเอวเอาไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยด้านหลัง


            “มีอะไรหรือเปล่ามินกิ..”      


            เอ่ยถามทั้งที่ยังส่งรอยยิ้มใจดีไปให้ มินกิหอมแก้มมารดาไปฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยมือที่กอดแบคฮยอนไว้แล้วเปลี่ยนมาเป็นดึงข้อมือร่างบางให้ลุกขึ้นแทน


            “ไปหาอาลู่หานที่ห้องกันท่านแม่ เมื่อกี้ข้าเห็นนางรับใช้ของท่านอาพาท่านหมอเข้าไปให้ห้องพัก ข้าอยากรู้ว่าท่านอาเป็นอะไรเลยมาตามท่านแม่ไปดูกับข้า”


            มินกิเอ่ยอธิบายเสร็จสรรพก็ดึงคนเป็นแม่ลุกขึ้นได้สำเร็จ แบคฮยอนมีสีหน้ากังวลน้อยๆเมื่อรับรู้ข่าวที่หมอเข้าพบลู่หาน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับมินกิแล้วเดินไปยังห้องนอนของลู่หานและเซฮุนทันที

.

.

.

.

            “ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”               


            ทันทีที่ประตูห้องนอนถูกเปิด มินกิก็พาตัวเองและแบคฮยอนมายืนอยู่ข้างๆเตียงนอน โดยบนเตียงมีลู่หานที่หน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือดนั่งพิงไปกับอกแกร่งของเซฮุนเพื่อสะดวกในการดูอาการของหมอ


            “เป็นอะไรหรือเปล่า..ลู่หาน”


            แบคฮยอนเองก็เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของลู่หานไม่ค่อยจะดี พลางจ้องมองหมอประจำฝูงตรวจร่างกายของลู่หานอย่างกังวล


            “ข้าไม่เป็นอะไร..ขอรับ แค่หน้ามืดและเวียนหัว..ชั่วครู่ก็คงหาย”


            คนป่วยที่นั่งพิงอกผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบๆไม่มีแรง แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มมาให้สองแม่ลูกที่ยืนสีหน้าเป็นกังวลอยู่ข้างๆเตียง


            “ตกลงลู่หานเป็นอะไรหรือท่านหมอ”        


            คราวนี้เป็นเสียงของเซฮุนที่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจไม่แพ้กัน ปกติลู่หานแข็งแรงจะตาย เจ็บป่วยนับครั้งได้ แต่มาคราวนี้ผู้เป็นภรรยาของเขาป่วยทรุดแลดูน่าสงสารจนเขาร้อนใจ


          “ขอกระหม่อมตรวจชีพจรนายหญิงได้หรือไม่ขอรับ”


            เสียงของหมอผู้สูงวัยเอ่ยขึ้น ลู่หานพยักหน้า ก่อนจะส่งมืออ่อนแรงของตนไปให้ท่านหมอตรวจ เป็นมินกิที่เข้ามาช่วยเซฮุนพยุงลู่หานเมื่อเห็นว่าร่างของลู่หานไม่มีแรงจนน่าตกใจ


            “เราเพลียมากเลยท่านหมอ...เวียนหัวไปหมด”


            ลู่หานเอ่ยบอกอาการกับคนเป็นหมอไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เซฮุนพยุงร่างของภรรยาเอาไว้ในอ้อมอกก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง อาการของลู่หานแปลกๆจนเขาร้อนรุ่มไปหมดทั้งใจ กลัวว่าอาการแบบนี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรง


            “ช่วงนี้นายหญิงเบื่ออาหารด้วยใช่ไหมขอรับ”


            จู่ๆเสียงท่านหมอก็ดังขึ้น พลางเงยหน้าไปมองนายหญิงของฝูงด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้เซฮุน มินกิ และแบคฮยอนงงงวยไปตามๆกัน ท่านหมอละมือมือจากข้อมือของลู่หาน ร่างบางพยักหน้าตอบรับ


            “ใช่..ช่วงนี้เราเบื่อๆอาหาร แต่ก็ยังทานได้ แต่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน”


            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการป่วยของลู่หานกันหรือท่านหมอ ลู่หานเป็นอะไร ข้าร้อนใจไปหมดแล้วน่ะ!


            เซฮุนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ท่านหมอได้แต่เลิกลั่กลุกขึ้นยืนพลางก้มตัวโค้งต่ำเพื่อเป็นการขออภัยรองจ่าฝูง ลู่หานกระชับมือของร่างสูงเอาไว้แล้วบีบเบาๆเป็นเชิงบอกให้เซฮุนใจเย็น


            “ข้าขออภัยขอรับท่านเซฮุน แต่ที่ข้าถามนายหญิงนั่นเพื่อความแน่ใจขอรับ”


            “แน่ใจเรื่องอันใดกันท่านหมอ”


            ลู่หานถามขึ้นอีกคราเมื่อเห็นท่าทางของท่านหมอ พลางกุมกระชับมือหนาของเซฮุนไว้แน่น เขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาได้


            “ไม่ต้องเป็นกังวลไปขอรับ นายหญิงไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงเพียงแต่ที่ข้าจับชีพจรนายหญิงเมื่อกี้และได้ไต่ถามถึงอาการแปลกของท่านก็พบว่า....นายหญิงกำลังตั้งครรภ์อ่อนขอรับ"


            “!!!


            ทันทีที่ท่านหมอเอ่ยประโยคนั้นจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบรวมไปถึงลู่หานและเซฮุนเองที่ตอนนี้นิ่งเงียบไป ก่อนที่ริมฝีปากหนาของเซฮุนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วโอบกอดคนเป็นภรรยาแนบแน่น


            “ลู่หาน...เจ้า..เจ้าท้องแล้ว ข้า..ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้วฮ่าๆๆ”


            เซฮุนระเบิดหัวเราะออกมาก่อนจะหอมไปที่แก้มนุ่มของลู่หานที่ร้องไห้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มินกิอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสวมกอดคนเป็นอาเพื่อแสดงความยินดี แบคฮยอนเองก็ยืนยิ้มอย่างปิติอยู่ข้างๆเตียง เรื่องที่นายหญิงแห่งฝูงมีคาร์ลตั้งครรภ์คงจะเป็นเรื่องดีๆที่ประชากรทุกคนรอคอยมานานเป็นแน่


            “และเรื่องที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือตอนที่ข้าได้จับชีพจรของนายหญิง ปรากฏว่าข้ามิได้ ได้ยินเสียงของหัวใจเพียงแค่ดวงเดียว..”


            “...??


            “แต่ข้ากลับได้ยินถึง...สองดวง”             









            พรึ่บบบ


            จองฮันหันไปด้านหลังทันทีเมื่อได้ยินถึงการเคลื่อนไหวในระยะประชิด ร่างบางใช้ผ้าคลุมใบหน้าสีดำคลุมใบหน้าให้กระชับขี้น ก่อนจะรีบเร่งเท้าเพื่อออกไปจากป่านี้โดยเร็ว พอพ้นป่านี้แล้ว จองฮันก็จะถึงหมู่มีคาร์ลที่ตัวเองใช่หลบซ่อนตัวอยู่


            “อ๊ะ!


            แต่ก่อนที่จองฮันจะเดินไปได้ไกล จู่ๆก็มีแรงปะทะเข้าทางด้านหลังจนร่างบางเซล้มไปด้านหน้าจนห่อสมุนไพรที่ตนหามาได้หกเกลื่อนกลาด จองฮันหันไปมองทางด้านหลังทันทีก่อนจะเบิกตากว้าง


            “ไง....หมาป่าน้อย..หึ!!


            เสียงทุ้มดังกังวานไปทั่วบริเวณ จองฮันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าบุคคลตรงหน้าคือหัวหน้าฝูงทีซัส นามว่าอู๋อี้ฝาน กำลังยืนแสยะยิ้มมาให้ตนพร้อมกับในตาสีแดงเพลิงน่ากลัว


            “อย่าคิดว่าหนีมาอยู่ในฝูงห่วยๆแบบนี้แล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้นะ..คนสวย
                                               


            จองฮันค่อยๆกระเถิบร่างหนีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเดินเข้ามาหาตนเรื่อยๆ ก่อนจะคำรามลั่นออกมาจนจองฮันน้ำตาร่วงด้วยความกลัวจับใจ เขาเป็นแค่หมาป่าชั้นล่างคงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับหมาป่าระดับหัวหน้าอย่างอี้ฝานได้


            “ได้เวลาตามไปอยู่กับพ่อเจ้าแล้วน่ะ...เด็กดี”


            จองฮันหลับตาลงช้าๆทันทีเมื่ออี้ฝานเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาคงหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เพราะตอนนี้มีหมาป่าของฝูงที่ซัสอีกกว่าสิบตัวกำลังจ้องจะฆ่าเขาอยู่ตรงหน้า อี้ฝานพูดจบก็แปลงกายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ก่อนจะกระโจนเข้าใส่จองฮันทันที


            กรอดดดดด!!!!!’


            แต่ก่อนที่อี้ฝานจะกระโจนเข้าถึงร่างของจองฮัน จู่ๆก็มีเสียงคำรามจากดังออกมาจากทิศเหนือ อี้ฝานและลูกสมุนหันไปดูก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีหมาป่าตัวสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาทางตนด้วยความเร็วก่อนจะกระแทกร่างของอี้ฝานจนกระเด็นออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว


            แต่ก่อนที่อี้ฝานจะได้ลุกขึ้นและหมาป่าตัวอื่นที่กำลังชุลมุนอยู่ หมาป่าตัวสีน้ำตาลตัวนั้นก็ใช้ฟันงับคอเสื้อของจองฮันก่อนจะตวัดร่างบอบบางขึ้นไปบนหลังของตัวเองแล้วออกวิ่งหนีไปยังฝูงมีคาร์ลทันที


          “กรอดดด!!! ไม่ต้องตามไป!!!


            อี้ฝานที่ลุกขึ้นได้คำรามออกมากู่ก้องก่อนจะส่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวสั่งลูกน้องที่กำลังจะวิ่งตามไป อี้ฝานจ้องมองไปยังหมาป่าตัวนั้นที่พายุนจองฮันหนีหายออกไปจากป่าแล้วด้วยความคับแค้นใจ


          มาคัล...ไอ้คนทรยศ


            หึ!! อย่าคิดว่าจะหนีไปยังฝูงมีคาร์ลแล้วจะหนีพ้น อย่าเพิ่งได้ใจไป...เพราะสงครามมันกำลังจะเริ่มนับจากนี้ต่างหาก!!!









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น