วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ติดสัดครั้งที่หนึ่ง






ตอนที่ 1



            หลังจากที่แบคฮยอนขอเจ้านายลากลับบ้านเพื่อมาที่รับพี่ชายที่จะมาเยี่ยมจากต่างจังหวัดแล้ว ตอนนี้ร่างบางก็กำลังนั่งอยู่บนรถเมย์สายที่จะผ่านปากซอยเข้าบ้านของตน ตอนนี้ร่างบางกำลังนั่งมองนู่นมองนี่ไปรอบๆในขณะที่รถวิ่งไป โดยสายตาร่างบางบางก็จดจ้องไปยังท้องถนนจนกระทั่งถึงปากซอยบ้านตัวเอง ร่างบางรีบกดกริ่งเพื่อให้รถหยุดแล้วเดินลงจากรถไปอย่างไม่เร่งรีบ


            “อ่า....โทรศัพท์ฉันอ่ะ”


            แบคฮยอนที่ลงมาจากรถแล้วรีบกวาดหาโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋ากลับต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อเขาหาจนทั่วกระเป๋าแล้วก็ไม่เจอ


            “สงสัยลืมไว้ที่บริษัทแน่ๆ ทำไมแกสัพเพราอย่างนี้นะแบคฮยอน...”


            ร่างบางขยี้หัวตัวเองก่อนจะเริ่มกวาดสายตาไปทั่วบริเวณนั้นแล้วก็เจอกับตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่ตนยืนอยู่ ร่างบางสาวเท้าไปที่ตู้โทรศัพท์ทันที แล้วจัดการหยอดเหรียญลงไปพร้อมกับกดเบอร์พี่ชายที่ตัวเองจำได้ขึ้นใจ


            “ฮัลโลพี่บอม..นี่แบคเองนะฮะ”


            ทันทีที่ปลายสายรับสาย แบคฮยอนก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที


            (.......)


            “แหะๆ แบคลืมโทรศัพท์ไว้ที่บริษัทนะฮะ”


            (........)


            “ฮะๆ แหมมม บ่นเป็นพ่อไปได้นะพี่เนี่ย ว่แต่ตอนนี้พี่อยู่ไหนแล้ว แบคมาถึงหน้าปากซอยแล้วนะ”


            (.......)


            “อ๋อ..โอเค งั้นเดียวแบครอพี่อยู่ที่หน้าปากซอยนะ เดียวเดินไปพร้อม....โอเคฮะ แค่นี้นะ รีบๆเข้าล่ะ”


            ตึ๊ด!


            แบคฮยอนวางสายจากพี่ชายคนเดียวที่อายุห่างกัน 7 ปี เขาเป็นลูกโทนที่พ่อกับแม่ไม่คิดว่าจะมีด้วยซ้ำ แต่เรื่องอายุไม่ได้เป็นปัญหาของเขากับพี่เลย เขากับพี่บอมรักกันมากเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ และวันนี้ก็เป็นวันที่พวกเขาจะเจอกันในรอบครึ่งปีเลยก็ว่าได้ เพราะตารางงานที่ยุ่งของพี่ชายทำให้พวกเขาเจอกันต่อปีนับครั้งได้


            บยอนแบคฮยอน เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ทำงานกินเงินเดือนเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆทั่วไป เขาอายุ 23 ปี เขาทำงานในบริษัทนี้มาได้ปีกว่าแล้วตั้งแต่จบมา เขาจบบัญชีมาจากมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในโซล จึงไม่ยากที่เขาจะถูกจองตัวให้เข้าไปทำงานตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ


            แบคฮยอนยืนรอพี่ชายอยู่ที่หน้าปากซอยเข้าบ้านตัวเองเพราะพี่ของตนแวะซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อนำมาทำอาหารฉลองที่เราไม่ได้เจอกันมาครึ่งปี โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองนั้นกำลังตกอยู่ในกรอบม่านสายตาของใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถออดี้สีดำสนิทที่จอดอยู่ไม่ไกล มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นตลอดเวลา มือหนาที่ท้าวไปกับกรอบกระจกมือลูบคางตัวเองไปมาเบาๆทั้งที่สายตาตัวเองยังจดจ้องไปที่ร่างบางอยู่


            ในที่สุด......เราก็ได้เจอกันสักที


            บยอน แบคฮยอน


.

.

.

        

            “พี่บอมทางนี้ฮะ!


            แบคฮยอนโบกไม้โบกมือแล้วตะโกนเรียกพี่ชายที่ลงมาจากรถเสียงใสด้วยความดีใจ ก่อนจะพุ่งตรงไปกอดพี่ชายทันทีด้วยความคิดถึง


            “ไง....ตัวเล็ก ไม่เจอกันนานคิดถึงพี่ล่ะซิ”


            แบคบอมพูดพลางลูบหัวน้องชายที่อยู่ในอ้อมอกไปพลางพร้อมกับยิ้มตามด้วยความอารมณ์ดี กว่าครึ่งปีที่เขาไม่ได้เจอน้องชายเพราะงานที่ค่อนข้างรัดตัวของเขา จึงทำให้เจ้าตัวเล็กของเขาออกอาการดีใจที่ได้เจอกันออกมาอย่างที่เห็น


            “งื้อออ คิดถึงสิฮะ แบคคิดถึงพี่บอมมากเลย มาฮะเดียวแบคช่วยถือ”


            แบคฮยอนเข้าหัวถูไถ่ไปกับแขนของคนเป็นพี่ ก่อนจะผละออกมาแล้วยื่นมือไปแย่งของในมือพี่ชาย แต่ก็โดยแบคบอมเอียงตัวหลบพร้อมกับใช้มือข้างซ้ายที่ว่างขยี้ไปที่หัวน้องชายด้วยความหมั่นเขี้ยว


            “ไม่ต้องเลยเรา ของแค่นี้พี่ถือเองได้ รีบเข้าไปกันเถอะเย็นมากแล้ว และอีกอย่างตอนนี้พี่ก็หิวมากด้วย อยากกินซุปกิมจิจากตัวเล็กแล้ว ไปกันเถอะ”


            “โอเค...เดียวแบคจะทำให้พี่บอมกินสุดฝีมือเลย มาเร็วๆ”


            คนตัวเล็กลากแขนพี่ชายของตัวเองให้เดินตามตนมา ก่อนจะพูดเสียงเจื่อยแจ้วไปมาตามประสาคนที่พูดเก่ง โดยที่ทั้งสองยังไม่รู้ตัวว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองการกระทำของทั้งสองอย่างไม่ล่ะสายตา


            “มาคัลเหรอ?


            เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆ หัวคิ้วทั้งสองยังขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่ สายตายังคงจ้องมองไปยังร่างของทั้งสองจนลับตา


            “หามิใช่ขอรับท่าน ผู้ชายคนนั้นชื่อบยอนแบคบอม เป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของราชินีขอรับ”


            มินโฮคนสนิทของร่างสูงเอ่ยขึ้นตามประวัติที่ได้ศึกษามา ชานยอลยกยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมาในรถเช่นเดิม


            “หึพี่ชายเหรอ...ชาติที่แล้วมันเป็นหนึ่งในศัตรูหัวใจของเรา แต่ชาตินี้มันกลับโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของเมียเรา”


          ชานยอลยังคงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมกับออกเสียงเรียบเอ่ยสั่งลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้าที่ขับรถให้ตัวเอง


            “กลับไปคฤหาสน์เราก่อน ยังไงคืนนี้เราค่อยมาหาแบคฮยอนอีกที”


            มินโฮพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มสตาร์ทรถขับออกไป ร่างสูงยังคงนั่งยกยิ้มมุมปากไปด้วยความอารมณ์ดี ยังไงคืนนี้เขาจะมาหาแบคฮยอนอีกครั้ง หลังจากที่เหตุการณ์ร้ายๆในคืนนั้น ได้พรากเขากับแบคฮยอนมาไกลกันคนล่ะชาติ


            เรากลับมาหาเจ้าแล้วนะแบคฮยอน เราคิดถึงเจ้าใจจะขาดจนแทบทนรอจนถึงคืนนี้ไม่ไหว...

.

.

.

.

         

            “พี่จะไม่ค้างกับแบคจริงๆเหรอฮะ....”


            เสียงใสๆของน้องชายตัวแสบของแบคบอมดังขึ้น พร้อมกับมนุษย์ตัวเล็กๆที่ยังคงเกาะแขนพี่ชายติดหนึบแทบสิงร่าง แบคบอมหัวเราะเบาๆให้กับท่าทางที่แสนน่ารักของน้องชายตัวเองอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปขยี้ศีรษะเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว


            “ไม่ได้หรอกตัวเล็ก พรุ่งนี้พี่มีงานต่อจริงๆนะ พี่เองก็อยากค้างกับเราใจจะขาด เอาเป็นว่าถ้าพี่หาวันหยุดได้พี่จะมานอนค้างกับเรานะ”


            แบคฮยอนที่ได้ฟังดังนั้นก็ยู่ปากใส่คนเป็นพี่ชายทันที ก่อนจะเอามือไปกอดอกตัวเองด้วยท่าทางแสนงอนที่แบคบอมมองว่ายังไงๆมันก็เหมือนลูกหมามากกว่าคน


            “พี่ก็พูดอย่างนี้ประจำอ่ะ กว่าจะหาเวลามาเจอแบคได้แต่ละครั้งนานจนรากจะงอก แถมพอมาเจอกันแปปเดียวพี่ก็กลับไปทำงานอีกล่ะ นี่ถ้าไม่บอกว่าพี่ติดงานแบคจะคิดว่าพี่ติดแฟนจนลืมน้องแล้วเนี่ย”


            แบคบอมถึงกับหัวเราะออกมาทันทีเมื่อประโยคแสนงอแงของน้องชายของเขาจบลง จะว่ายังไงดีล่ะ ก็ตอนนี้เขายังไม่มีแฟนเลยทั้งที่อายุก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว


            “พูดอะไรของเรานะตัวเล็ก เลอะเทอะใหญ่แล้ว พี่กลับก่อนนะนี่ก็มืดค่ำแล้วเดี๋ยวจะหารถกลับลำบาก พี่สัญญาครั้งหน้าพี่จะมานอนค้างกับตัวเล็กให้ได้”


            แบคบอมพูดพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยข้างขวาไปตรงหน้าร่างบางพร้อมกับกระดิกนิ้วไปมา แบคฮยอนมองท่าทางของพี่ชายก็ได้แต่ยิ้มกริ่ม ที่จริงเขาไม่ได้โกรธแบคบอมหรอก แต่แค่งอนๆเท่านั้นเพราะนานๆทีเขากับพี่จะได้เจอหน้ากัน ก็เป็นธรรมดาที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะน้อยใจ


            “อ่ะ..โอเค ครั้งนี้แบคให้อภัยพี่ก็ได้ แต่ครั้งหน้าพี่จะต้องนอนค้างกับแบคนะ ถ้าติดงานอีกล่ะก็ แบคจะสาปให้พี่แต่งงานกับงานเลยคอยดู”


            แบคฮยอนชี้หน้าพี่ชายก่อนจะยื่ยนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวก้อยของพี่ชาย แบคบอมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะดึงน้องชายหัวแก้วหัวแหวนไปกอดไว้แน่นพลางโยกตัวไปมาจนแบคฮยอนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี


            “กลับบ้านดีๆนะพี่ บ๊ายบาย”


            “บ๊ายบายตัวเล็ก ขึ้นนอนก็ปิดประตูกับหน้าต่างให้เรียบร้อยนะ พี่ไปแล้วนะเดียวพรุ่งนี้พี่จะโทรหา ฝันดีนะ”


            แบคฮยอนโบกมือให้พี่ชายหยอยๆพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา มองดูหลังของพี่ชายที่เดินออกไปจากประตูรั้ว แบคบอมหันมาบ๊ายบายแบคฮยอนอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปยังท้องถนนแล้วเดินออกไป แบคฮยอนมองภาพนั้นด้วยหัวใจโหวงๆแปลกๆ ก่อนจะตะโกนเสียงดังเอ่ยเรียกพี่ชายของตนเอาไว้


            “พี่แบคบอม!! แบครักพี่นะ!


            แบคบอมที่ได้ยินเสียงเรียกของน้องชายก็หันกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้างพร้อมกับทำมือเป็นรูปหัวใจส่งมาให้แบคฮยอนที่ยืนยิ้มโบกมือมาให้ตนอยู่ที่ประตู ก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับไปยังท้องถนนอีกครั้ง รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าคอยๆหุบลงช้าๆ แบคบอมคอยๆหันหลังกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้แบคฮยอนได้ปิดประตูบ้านไปแล้ว


ทำไมความรู้สึกของเขามันถึงหน่วงๆอย่ในใจแปลกๆ คงไม่มีอะไรมั้ง เขาคงแค่คิดมากไปเอง...........


ฝ่ายแบคฮยอนที่ปิดประตูบ้านของตัวเองล็อคกลอนบ้านเสร็จสรรพก็เดินขึ้นมายังบนชั้นสองของบ้านเพื่อทำการอาบน้ำและเข้านอน


แบคฮยอนเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำสีแดงเพลิงตัวเก่งของตนเข้าไปในห้องน้ำ ร่างบางปิดประตูห้องน้ำเบาๆก่อนจะกดล็อคประตูแล้วเดินไปวางชุดคลุมอาบน้ำไว้ที่เคาท์เตอร์ โดยไม่ได้รับรู้ว่าภายในห้องของตนนั้นมีการเคลื่อนไหวของร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งที่กำลังเดินตรวจตราไปมาอยู่ในห้องนอน


แบคฮยอนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกช้าๆ ก่อนจะนำไปแขวนไว้กับราวใกล้ๆพร้อมด้วยกางเกงและเสื้อกล้ามของตน ร่างบางที่ตอนนี้มีเพียงชั้นในห่อหุ้มร่างกายอยู่ก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆกับฟักบัว ก่อนจะเปิดน้ำเบาๆและปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพอากาศพร้อมกับฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี


แบคฮยอนลูบไล้น้ำไปตามลำตัวเบาๆ จนร่างกายบอบบางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมไปหยิบสบู่เหลวกลิ่นกุหลาบกลิ่นโปรดของร่างบางเอง มือบางกดสบู่ใส่ในมือพอประมาณแล้วค่อยๆลูบไล้ไปตามลำแขนก่อนจะย้ายไปตามลำตัว ร่างบางยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความพอใจในกลิ่นของสบู่กลิ่นดอกกุหลาบซึ่งมันทำให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น


ร่างบางของแบคฮยอนยังคงเพลิดเพลินกับการลูบไล้สบู่ไปตามร่างกายของตัวเอง ก่อนจะยกขาข้างขวาขึ้นตั้งบนชักโครกแล้วใช้มือที่มีสบู่ติดอยู่ลูบไล้ไปตามเรียวขาเรียวขาวของตัวเองช้าๆ โดยไม่ได้สังเกตุว่าประตูห้องน้ำที่ตนนั้นมั่นใจว่าล็อคแล้วกำลังเปิดออกมาโดยมือหนาของใครคนหนึ่งที่ค่อยๆเปิดประตูออกมาอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ร่างบางที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบอาบอยู่รู้ตัว


แบคฮยอนยังคงอาบน้ำพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับใช้สบู่ลูบไล้ไปตามร่างกายตัวเองเป็นรอบที่สองพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดน้ำในฟักบัวให้ไหลอาบร่างกายอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเลยว่าบุคคลที่บุกรุกเขามาในยามวิกาลกำลังเดินเข้ามาหาร่างบางช้าๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความ ลุ่มหลง รักใคร่ ปารถนา ร้อนแรง และ ต้องการ


แววตาของบุคคลนั้นค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนปนเทาน่าค้นหา ก่อนที่ร่างกายของบุคคลด้านหลังจะค่อยๆเปลี่ยนสภาพของตัวเองจากคน


เป็นมนุษย์หมาป่า.........



             กึก!
                     

            ร่างของแบคฮยอนหยุดนิ่ง ทั่วทั้งห้องได้ยินแต่เสียงน้ำจากฟักบัวที่กระทบกระเบื้อง ก่อนจะไหลรินลงไปเบื้องล่างของท่อระบายน้ำ แบคฮยอนขมวดคิ้วพลันค่อยๆหันไปทางด้านหลังเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดยจ้องมองจากดวงตาคู่หนึ่ง


          ขวับ!


            ร่างของแบคฮยอนหันมาด้านหลัง ก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมหนาเข้าไปอีก เมื่อเจ้าตัวหันมาแล้วปรากฎว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลยสักคน แล้วความรู้สึกที่ตนโดนจ้องมองมันคืออะไรและมาจากไหน


            แบคฮยอนสะบัดศีรษะไปมาแก้อาการฟุ้งซ่าน จะว่าเขางมงายหรืออะไรก็ได้นะ แต่แบคฮยอนเป็นคนจำพวกที่ค่อนข้างเชื่อเรื่องลี้ลับเสียด้วย


            “แกคิดมากไปเองแน่ๆแบคฮยอน อยู่ที่นี่มาปีกว่าแล้วด้วยไม่เห็นจะเคยมีอะไร สงสัยวันนี้จะเหนื่อยแน่ๆ แกควรรีบอาบน้ำแล้วไปนอนซะ”


            ร่างบางพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมายังฟักบัวเพื่อจะเปิดน้ำล้างตัวอีกรอบ ก่อนจะผงะออกไปทันทีเมื่อตนหันมาแล้วเจอกับ มนุษย์หมาป่า


          กรอดดดดด!!!      


            เสียงเขี้ยวที่ขบเข้าหากันของมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแบคฮยอน ดวงตาสีเขียวอ่อนปนเทาตรงหน้า ร่วมไปถึงรูปร่างที่ใหญ่โต สีขนดำเทาที่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย มันดูสง่างามลึกลับน่าค้นหา และดูคุ้นเคย


            ชานยอลที่อยู่ในคราบของมนุษย์หมาป่าตัวโตแทบเปลี่ยนร่างมาเป็นมนุษย์ธรรมดาแทบไม่ทัน เมื่อร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าเป็นลมล้มฟุบไปกับพื้น ร่างสูงดูตกใจกับปฎิกิริยาของแบคฮยอนเมื่อเห็นเขาในร่างมนุษย์หมาป่า


            “เจ้าจำข้าไม่ได้เหรอ...ยอดรัก”


            ชานยอลเอ่ยเสียงแผ่วเบาข้างใบหูของแบคฮยอน ก่อนจะกดจูบลงไปยังขมับด้านซ้ายของร่างบาง ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรีค่อยๆประคองร่างเปลือยเปล่าของแบคฮยอนขึ้นมาไว้แนบอก แล้วค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำช้าๆ ก่อนจะพาร่างบอบบางในอ้อมอกมายืนอยู่บริเวณหน้าต่างห้องนอนของแบคฮยอน จ้องมองลงไปบริเวณชั้นล่างที่ตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงหมาป่าหลายสิบตัวที่มาคอยอารักษ์ขาตน


            “บรู๊ววววววว์!!
                    

            ชานยอลคำรามออกมาเสียงดัง ก่อนที่หมาป่าตัวอื่นๆจะเห่าหอนขานรับหมาป่าจ่าฝูง ชานยอลแปลเปลี่ยนดวงตาตัวเองจากสีเขียวอ่อนปนเทา เป็นสีแดงเพลิงที่ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม


            “ต่อไปนี้ราชินีจะกลับมาอยู่เคียงคู่กับราชา!!
                      

            ชานยอลพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าอีกครั้ง และกระโดดลงจากชั้นสองเพื่อพาร่างในอ้อมแขนมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ของตน

.

.

.

.

.

.

            ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่าของแบคฮยอนถูกชานยอลวางไว้บนเตียงนอนคิงไซส์สีดำของตัวเองเบาๆ ก่อนที่ตัวเองจะกลายร่างเป็นมนุษย์ดั่งเดิม แล้วค่อยๆกดจูบไปที่หน้าผากแบคฮยอนเบาๆ


            “ยอดรักของข้า...ตื่นเถิด ข้ารอเจ้ามาเป็นร้อยๆปีแล้วนะ ข้าคิดถึงเจ้าใจแทบขาด แบคฮยอน....ยอดรัก...”


            ชานยอลพูดกับแบคฮยอนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะค่อยๆลากริมฝีปากของตัวเองไปตามใบหน้าของแบคฮยอนอย่างลุ่มหลง กดจูบไปยังทุกส่วนของใบหน้าที่ริมฝีปากของตนพ้นผ่าน


            “เจ้ายังงดงามไปหมดทุกส่วนเหมือนเดิม ตื่นเถิด ข้าคิดถึงเจ้ามากจนแทบขาดใจ แบคฮยอน....”


            มือหยาบหนาค่อยๆลูบไล้ไปตามหัวไหล่มนของแบคฮยอน ริมฝีปากร้อนก้มลงสูดเอาความหอมจากร่างกายของคนตรงหน้าด้วยความคิดถึงและต้องการ ร่างกายของแบคฮยอนยังทำให้เขาแทบคลั่งในทุกครั้งที่สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเมื่อชาติก่อน หรือตอนนี้


            “งื้ออออ”


            แบคฮยอนที่ยังคงถูกริมฝีปากร้ายของคนตรงหน้าขบเม้มไปทั่วก็ครางงื้อออกมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แบคฮยอนมึนๆงงๆเหมือนกับครึ่งหลับครึ่งตื่น ร่างบางค่อยๆปรือตาตัวเองช้าๆ ก่อนจะร้องครางออกมาด้วยความเสียวสะท้าน เมื่อบุคคลที่กำลังยุ่มยามกับร่างกายของตนขบเม้มไปที่ยอดอกด้วยความแรง


            “อ๊า..ส์...”

           
            แบคฮยอนใช้มือทั้งสองข้างของตนผลักคนตรงหน้าออกไปแต่เหมือนกับร่างกายไม่มีแรงไปเสียดื้อๆ จึงทำได้แต่ส่ายหน้าไปมาจนกลุ่มผมสีดำของตนกระจายเต็มหมอนใบโต


            “อ่ะ...ปะ..ปล่อย”


            เสียงของร่างบางที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่าเหมือนกับขาดน้ำมาเป็นเวลานาน แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นไม่ได้ทำให้คนด้านบนหยุด ชานยอลวกกลับขึ้นมามองหน้าแบคฮยอนอีกครั้งชัดๆ แต่ร่างบางที่โดนน้ำตาแห่งความเสียวกระสันบดบังไว้ ทำให้ไม่เห็นว่าชานยอลมองมาที่ตนด้วยแววตาแบบไหน


            ชานยอลจ้องมองร่างบางอย่างไม่ลดล่ะ แบคฮยอนพยายามจะดันไหล่หนาที่อยู่ด้านบนออก แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเช่นเคย ชานยอลได้แต่ยิ้มมุมปากกับการกระทำของร่างบางใต้ร่าง มือหยาบหนาค่อยๆลูบไหล่ไปตามขาเรียวของแบคฮยอนช้าๆ ร่างบางทีรู้สึกถึงสัมผัสก็จิกเล็บลงไปบนไหล่ชานยอลทั้งสองข้าง ร่างสูงค่อยๆใช้มือของตัวเองทั้งสองข้างแยกขาของร่างบางออกให้กว้างขึ้น ก่อนจะนอนทับลงมาจนความเป็นชายที่แข็งแกร่งอยู่ใต้ร่มผ้าสัมผัสกับร่างเปลือยเปล่าของแบคฮยอน

           
            ร่างบางได้แต่นอนส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อชานยอลค่อยๆขยับกายช้าๆ ทั้งที่ยังไม่มีการถอดกางเกงหรือสอดใส่แต่อย่างไร ร่างสูงก้มลงชิมเม็ดบัวสีชมพูที่เริ่มมีปฎิกิริยากับการกระทำออกตนมาสักพักแล้วอีกครั้ง แบคฮยอนที่ปล่อยมือออกจากไหล่แกร่งก่อนจะคว้าหมอนที่ตนเองหนุนเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วจิกไปสุดแรงด้วยความเสียว ร่างบางหลับตาปี๋แล้วหันหน้าไปด้านข้าง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียวจนยากจะควบคุม ชานยอลยิ้มกริ่มกับท่าทางของแบคฮยอน ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ แบคฮยอนของเขาก็น่าลุ่มหลงและน่าหลงใหลเช่นเคย


            “ยอดรัก....เจ้าพร้อมจะมารำลึกความหลังกับข้าแล้วหรือไม่”

           
            ชานยอลกระซิบลงไปที่หูด้านซ้ายของแบคฮยอนจะจะกดจูบแล้วสอดลิ้นเข้าในในรูหูช้าๆ ร่างบางที่ยังหลับตาอยู่ยิ่งหลับตาปี๋เข้าไปใหญ่ มือทั้งสองยังจิกเข้าไปที่หมอนใบโต น้ำตาที่ไหลออกมาก็ยังไหลต่อเรื่อยๆ แต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจ เขายังสนุกไปกับการใช้ลิ้นหยอกล้อใบหูของคนใต้ร่างอย่างสนุกสนาน


            “อ่ะ....อ๊า..ปล่อย....อ่ะ”


            แบคฮยอนยังคงพยายามจะเอ่ยห้ามคนตรงหน้าแต่ก็ไม่เป็นผล จนแบคฮยอนต้องหดคอหนีจากการกระทำดังกล่าวพัลวัน จนชานยอลต้องใช้มือทั้งสองข้างของตนประคองใบหน้าของแบคฮยอนเอาไว้ ก่อนจะก้มลงไปกัดริมฝีปากล่างของคนด้านใต้จนแบคฮยอนสัมผัสได้ถึงรสฝาดๆของเลือด


            ชานยอลถอดจูบออกมาอ่อยอิ่ง ก่อนจะใช้ดวงตาสีเขียวอ่อนปนเทาของตัวเองจ้องมองไปทางแบคฮยอนที่ยังนอนเปลือยเปล่าและสะอื้นน้อยๆอยู่ใต้ร่างของตน เหมือนมนต์สะกดที่ทำให้แบคฮยอนหยุดนิ่ง ร่างบางจ้องตาร่างสูงกลับไปอย่างหลงใหล ชานยอลยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยกับแบคฮยอนออกมาช้าๆ


            “ไม่....ยอดรัก”  


            “................”


            “ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไหนอีกแล้วทูนหัว.....






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น