วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564

                                               เล่ห์ รัก ร้าย                                    

                                                             Special [ 1 ]



แบคฮยอนหลับตาพริ้ม คนตัวเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปตามแรงมือ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อให้คนที่คอยคุมจังหวะอยู่ด้านบน ชานยอลหอบหายใจแรงพร้อมกับซุกไซ้ซอกคอขาวของอีกคนอย่างร้อนเร่า


จังหวะรักของทั้งสองเริ่มขึ้นมาได้สักพักแล้ว ชานยอลยังคงควบคุมจังหวะอยู่ด้านบน โดยมีแบคฮยอนเป็นผู้ตามที่ดีอยู่ด้านล่าง รอรสรักที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยใจกระสัน แบคฮยอนปรือตาขึ้นมามองอีกคนที่กำลังขยับสะโพกเข้าออกก่อนจะโดยอีกจูบปากเล็กๆนั้นจนตอนนี้บวมเจ๋อไปหมด


“อ่ะ..ชะ..ช้าหหน่อย” แบคฮยอนส่งมือเล็กไปดันหน้าท้องแกร่งของอีกคนเพราะเริ่มรู้สึกว่าชานยอลจะขยับเข้าออกรุนแรงมากขึ้น อาจะเพราะอีกฝ่ายใกล้จะเสร็จสมแล้ว ส่วนเขาเสร็จไปแล้วรอบหนึ่ง และกำลังจะเสร็จอีกรอบเช่นเดียวกัน


“ชานยอล...ฮึก” แบคฮยอนดันตัวขึ้นมาโอบคอของอีกฝ่ายไว้แน่น ชานยอลยังคงไม่ลดแรงขยับ เขากอดเอวแบคฮยอนก่อนจะเปลี่ยนมานั่งแล้วให้คนตัวเล็กเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะเอง โดยมีเขาโอบเอวเล็กๆและช่วยขยับด้วยเช่นเดียวกัน


แบคฮยอนขยับสะโพกขึ้นลงพร้อมกับหอบหายใจอยู่ข้างใบหูของอีกฝ่าย ชานยอลกดจูบลงไปบนลำคอขาวก่อนจะค่อยๆใช้ลิ้นของตัวเองเช็ดเหงื่อตามสันกรามของแบคฮยอน แม้ว่าอาการในวันนี้จะหนาว แต่กิจกรรมที่ร้อนแรงของพวกเขาทำให้อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นจนเต็มไปด้วยเหงื่อ


“อื่อ...ไม่ไหวแล้ว..อ่ะ” แบคฮยอนสะบัดหน้าขึ้นจนเผยให้เห็นลำคอขาว คนตัวเล็กกัดปากบวมเจ๋อของตัวเองก่อนจะเร่งขยับสะโพกขึ้นลงเมื่อใกล้จะถึงฝั่งฝัน ชานยอลเองก็เช่นกัน เขาขบฝันแน่นจนเห็นเส้นเลือดตรงลำคอ แขนแกร่งกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่นก่อนจะส่งแรงขึ้นไปปะทะกับแรงที่แบคฮยอนกดลงมา


“อ่ะ...อ่ะ..” แบคฮยอนใช้เท้าถีบไปมาบนผ้าปูที่นอนจนมันร่นลง เขารู้สึกเสียวซ่านไปหมดจนหัวสมองโล่ง ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความอุ่นซ่านที่ถูกปล่อยเข้ามาภายในตัวของเขา และเขาก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะต้องส่วนด้านหน้า


ทั้งสองข่งกันหอบหายใจด้วยความหนักหน่วง ก่อนที่ชานยอลจะซุกใบหน้าลงบนซอกคอของแบคฮยอนและพ่นลมหายใจร้อนๆที่เกิดหลังจากการเสร็จสม แบคฮยอนลูบกลุ่มผมสีเทาของอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะกดจูบลงไปบนกลุ่มผมของแฟนเด็กอย่างแสนรัก


“อ่ะ..ชานยอล!” แบคฮยอนอุทานขึ้นเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็อุ้มเขาลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังมีตัวตนของอีกคนแทรกซึมในร่างกายของเขาอยู่ แบคฮยอนเกาะอีกฝ่ายไว้แน่น ก่อนจะโดนชานยอลพาลงมายังข้างเตียง


และแบคฮยอนรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในกายของเขาอีกครั้ง


“อื่อ...” แบคฮยอนครางออกมาอีกครั้ง ชานยอลพาเขาเดินมายังประตูระเบียงที่ปิดม่านอยู่ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านออกจนเห็นวิวข้างนอก และหิมะที่กำลังตก


“ชานยอล...” ชานยอลวางแบคฮยอนลงก่อนจะให้อีกฝ่ายหันหน้าออกไปทางประตูระเบียง แบคฮยอนรู้สึกเขินอายเพราะตอนนี้พวกเขาเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ แม้ว่าตอนนี้จะเที่ยงคืนไปแล้ว แต่สำหรับแบคฮยอนมันก็เป็นเรื่องน่าอายอยู่ดีที่ต้องมาทำรักกันตรงหน้า


“พี่สวยมากเลยครับ” ชานยอลพูดออกมาเหมือนคนเพ้อ เขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังขาวเนียนของแบคฮยอน ไม่รู้เลยว่าระหว่างแผ่นหลังของอีกคนกับหิมะด้านนอกอันไหนจะขาวมากกว่ากัน


ชานยอลโอบเอวเล็กๆของอีกคนและเริ่มที่จะซุกไซ้ซอกคอหอมอีกครั้ง แบคฮยอนเอียงคอให้อีกฝ่ายเชยชม มือเล็กก็บีบไปบนแขนแกร่งที่โอบเอวเขาอยู่ พร้อมกับครางเสียงแผ่วออกมา เมื่อมือหนาของชานยอลเริ่มลูบไล้ขึ้นมาบนหน้าอกของเขาแล้วบีบเค้นมันอย่างไม่เบาแรง


“อ่ะ...ชานยอล...พอก่อน” แบคฮยอนงอตัวลงเมื่อมืออีกข้างของชานยอลเลื่อนลงมากอบกุมแก่นกายของเขาและออกแรงขยับจนแบคฮยอนสะท้านไปด้วยความเซียวซ่าน เขาเงยหน้าขึ้นไปมองชานยอลก่อนจะโดนขโมยจูบไปอีกครั้ง คราวนี้แบคฮยอนโดนทั้งบนทั้งล่างรวมไปถึงริมฝีปากด้วย


ใช้เวลาไม่นานเขาก็เสร็จสมออกมาเป็นครั้งที่สาม ปากบวมของเขาหอบหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างยันไปบนประตูระเบียงที่เป็นกระจกทั้งหมด ยังดีที่มีแขนแกร่งของชานยอลโอบเอวเขาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงล้มลงไปนั่งบนพื้นแล้ว


“อื่อ....พี่ไม่ไหวแล้ว” แบคฮยอนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านและแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าจากรสรักที่ชานยอลมอบให้ แต่อีกคนก็ฟังเสียที่ไหน ชานยอลโน้มตัวไปกอดแบคฮยอนเอาไว้แล้วค่อยๆดันเจ้าวายร้ายเข้าไปยังรังรักที่เคยเข้าไปเยี่ยมชมมาหลายครั้ง


“อ่ะ...อ่ะ...อื่อ...ชานยอล ชานยอล...” เมื่อเข้ามาได้แล้วชานยอลก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาขยับเข้าออกอย่างแรงจนแบคฮยอนหัวสั่นคลอนไปตามแรงส่งจากด้านหลัง คนตัวเล็กทำได้เพียงแค่ครางชื่อของอีกฝ่ายออกมา มือเล็กเริ่มรู้สึกล้า แบคฮยอนเลยใช้มือมาจับแขนชานยอลที่โอบเอวเขาอยู่แทนการยันผนังไว้เช่นเดิม


“พี่แบค...พี่แบค..แบคฮยอนของผม...” ชานยอลโอบเอวอีกคนไว้แน่นก่อนจะซุกไซ้และกระซิบคำหวานใส่อีกฝ่าย แบคฮยอนถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียวซ่าน เขาจิกเล็บลงไปบนแขนแกร่งของชานยอล พยายามรับแรงกระแทกที่ยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่อง


คนตัวเล็กพิงศีรษะไปทางด้านหลัง ก่อนจะปล่อยเสียงครางออกมาจนในคอแหบแห้งไปหมด ชานยอลจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนไปกัดปากอีกฝ่ายจนได้เลือดและปลอบประโลมด้วยการโลมเลียเลือดจนได้กลิ่นฝาดไปทั่วปาก


แบคฮยอนแถบจะหมดแรงล้มลงไป ตอนนี้เขารู้สึกว่าช่วงล่างเริ่มจะชาไปเสียแล้ว ชานยอลไม่แผ่วลงเลยจนเขาแทบจะขาดใจ เขาได้ยินเสียงคำรามในลำคอของอีกฝ่ายพร้อมกับแรงกระแทกที่แรงขึ้นจนได้ยินเสียงหยาบโลนไปทั่วห้อง


“อ่า...อ่ะ...” แบคฮยอนปลดปล่อยออกมาพร้อมกับชานยอลอีกครั้ง เขาเสร็จสมไปแล้วสี่ครั้ง ส่วนชานยอลสองครั้ง แต่อีกฝ่ายเสร็จรุนแรงกว่าทุกครั้งจนเขาแทบยืนไม่ไหว ชานยอลยังคงขยับเข้าออกช้าเพื่อปลดปล่อยใส่ร่างกายเล็กทุกหยาดหยด ก่อนจะจับใบหน้าของคนอายุเยอะกว่ามาจูบอย่างแผ่วเบา


“ขอโทษด้วยนะครับ” ชานยอลพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือลูบไปที่ริมฝีปากที่โดนกัดจนแตกของแบคฮยอนเบาๆ แบคฮยอนทำได้แค่หลับตาและหอบหายใจออกมาหนักๆ อายุของเขาก็ใช้ว่าจะน้อยแล้ว เขาหลักสามสิบแล้วด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายไม่เห็นใจสังขารของเขาเลยแม้แต่น้อย


ชานยอลยิ้มขำให้กับท่าทางของแบคฮยอนก่อนจะโอบอุ้มอีกฝ่ายด้วยท่าเจ้าสาวและพายังเตียงนอนที่ตอนนี้ยับยู่ยี่จากการกระทำของพวกเขาที่ผ่านมาไม่นาน แบคฮยอนกำลังจะพลิกตัวแล้วนอนหลับด้วยความเพลีย แต่ก็โดนชานยอลจับแขนทั้งสองข้างแล้วขึงไว้กับเตียง


“ชานยอล..” แบคฮยอนลืมตาขึ้นมามองอีกคนด้วยแววตาอ้อนวอน เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ดูเหมือนคุณแด๊ดของสองแสบจะไม่ฟังกัน ชานยอลก้มลงมาจูบปากเขาแรงๆหนึ่งทีก่อนจะขยิบตาให้ด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์


“ยังไม่หายงอนนะครับคุณแม่” แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะฟาดลงไปบนอกแกร่งนั่นอย่างแรง มีที่ไหนเขาเหนื่อยจนจะหลับอีกฝ่ายก็ยังไม่เห็นใจเขา


และใช่....หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้พวกเขาได้เจ้าแสบที่สามปาร์คฮีบยอนมา


แบคฮยอนสัญญาเลยว่า ต่อจากนี้จะไม่ทำให้คุณแด๊ดของเจ้าสองแสบงอนอีกเป็นอันขาด!






................................................

ยังมีต่อในเด็กดีนะคะ ^^





วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

ติดสัดครั้งพิเศษ [ KrisLay ] 20%






Special
พิเศษ

Yifan & Yixing
(เป็นเหตุการณ์หลังสงครามจบของคู่คริสเลย์ค่ะ)





 เสียงดังของไม้กวนยากระทบกับขอบของหม้อดินที่กำลังตั้งอยู่บนไฟที่อยู่ก่อขึ้น ซึ่งภายในหม้อยาบรรจุไปด้วยสมุนไพรนาๆชนิดที่อี้ชิงคิดว่าสรรพคุณของมันจะรักษาอาการป่วยให้หายหรือไม่ก็ทุเลาลงได้


            มือสวยกำไม้กวนยาแน่นพลางออกแรงคนด้วยความตั้งอกตั้งใจ พร้อมกับค่อยๆเติมน้ำและสมุนไพรตัวอื่นลงไปด้วยตามที่ได้ศึกษามาจากลุงจองฮุนพ่อของจองฮันที่ตนเคยไปเล่นด้วยบ่อยๆ อี้ชิงคิดว่าเขาโชคดีที่ได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้มาบ้าง เพราะไม่เช่นตนตนคงจะร้อนใจมากเป็นแน่ เพราะลูกชายวัยห้าเดือนของตนกำลังป่วยหนัก


            “ฮึก..แงงงง้!!!


            เสียงร้องไห้ของทารกน้อยแผดร้องออกมาอย่างหนัก อี้ชิงรีบวางไม้กวนลงข้างหม้อก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าไปในห้องนอนเล็กๆซึ่งมีร่างของทารกน้อยนอนร้องไห้อยู่


            “โอ๋...ทูนหัวของแม่...”


            อี้ชิงรีบเข้ามาอุ้มเด็กน้อยที่ร้องไห้จากพิษไข้จนตัวแดงไปหมด ร่างบางค่อยๆอุ้มลงมาไว้แนบอก ก่อนจะเอาหน้าผากนาบไปกับหน้าผากเล็กๆของเด็กน้อย อี้ชิงแทบร้องไห้ออกมาตามลูก อาการของลูกรักยังไม่ทุเลาลงเลย เด็กน้อยคงทรมาณมาก


            “โธ่ลูก..อย่าร้องนะคนเก่ง...แม่จะร้องตามแล้วน่า..”


            อี้ชิงเอ่ยกับลูกทั้งน้ำตาคลอ ร่างบางอุ้มลูกที่ยังคงร้องไห้เสียงดังจากพิษไข้ออกมาจากห้องมุ่งตรงไปยังเตาพิงด้านหน้า อย่างน้อยให้ลูกได้อยู่ในที่ที่มีอากาศอบอุ่นอาการจะได้ไม่เป็นหนักกว่านี้


            “โอ๋...เดี๋ยวพ่อก็มาแล้วนะลูก...พ่อเข้าไปหาสมุนไพรให้หนูอยู่น่า...เพราะฉะนั้นคนเก่งของแม่ต้องไม่ร้องไห้นะครับ..”


            อี้ชิงพูดจบก็ก้มลงไปจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของลูกเบาๆพลางโยกตัวช้าๆเป็นเชิงปลอบลูกชายคนเก่งที่ค่อยๆคลายเสียงสะอื้นลงแต่ก็ยังไม่หยุดร้อง


            “ไหน....คนไหนคือลูกชายแม่..ลูกชายแม่เก่งเลยไม่ร้องแล้วเนอะ เนอะ...”


            อี้ชิงยิ้มน้อยๆให้ลูกชายในอ้อมอกที่ตอนนี้หยุดร้องแต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นจากการร้องเมื่อสักครู่อยู่ เด็กน้อยมองหน้าผู้เป็นแม่ก่อนจะใช้ฝ่ามือน้อยๆของตัวเองลูบไปที่ลักยิ้มของอี้ชิงเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจเมื่ออี้ชิงเอาปากไปงับมือน้อยเบาๆ


            “เด็กดีของแม่ยิ้มแล้ว...”


            อี้ชิงยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นแก้วตาดวงใจของตัวเองหยุดร้องไห้ เด็กๆไม่เหมาะกับการร้องไห้จริงๆ เพราะทุกครั้งที่ลูกร้อง ลูกจะดูทรมาณมากจนหัวอกคนเป็นแม่แทบสลายตาม เขาไม่สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดนั้นมาได้ ถ้ามันถ่ายทอดกันได้ อี้ชิงจะรับเอาไว้กับตัวเองให้หมด ให้ตนทรมาณดีกว่าให้ลูกต้องเจ็บ


            “อี้ชิง....”


            อี้ชิงหันไปตามเสียงเรียกทันทีก่อนจะพบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นสามีที่เข้ามาในบ้านพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหัวออกทำให้อี้ชิงเห็นทรงผมใหม่ของอี้ฝานเนื่องจากตอนที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับชานยอลทำให้ได้แผลที่ศีรษะและที่ใบหน้าเต็มไปหมด อี้ชิงเลยตัดสินใจที่จะโกนผมให้อี้ฝานเพื่อง่ายต่อการรักษา


            “ลูกร้องเหรอ”


            อี้ฝานเดินเข้ามาหาสองแม่ลูกที่ยืนอยู่หน้าเตาผิง อี้ชิงยิ้มให้เบาๆก่อนจะส่งลูกให้อี้ฝานที่อ้าแขนประคองรับดวงใจของพวกเขา


            “อือ..แต่ตอนนี้หยุดแล้วล่ะ อาการลูกยังไม่ค่อยดีเหมือนเดิมเลยอี้ฝาน เราจะทำยังไงดี...”


            อี้ชิงเอ่ยกับร่างสูงด้วยความกังวลใจ อี้ฝานไม่ได้พูดอะไรกลับไปสายตาจ้องมองไปที่ลูกก่อนจะกดจูบลงบนขมับเล็กๆนั้นเบาๆ เด็กน้อยหัวเราะชอบใจก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ใบหน้าผู้เป็นพ่อ อี้ฝานหลับตาลงช้าๆเพื่อรับสัมผัสของลูกน้อย มือเล็กๆของทารกวัยห้าเดือนกำลังเล่นกับแผลเป็นบนใบหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่นึกกลัว


            “แล้วได้สมุนไพรอะไรมาบ้างล่ะ”


            อี้ชิงเอ่ยถามขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบห่อผ้าเล็กๆที่อี้ฝานถือเข้ามาก่อนจะเปิดดูภายในที่บรรจุสมุนไพรชนิดต่างๆเอาไว้ ร่างบางตั้งใจศึกษาอย่างดีเพื่อที่จะได้นำมาต้มเป็นยาให้ลูกได้กินเพื่อลดกาการป่วย


            “เจ้าดูเอาเองเถอะ ข้าก็หยิบๆเก็บๆแล้วรีบกลับมา ข้าเป็นห่วงลูก..”


            อี้ฝานพูดจบก็กดจูบลงไปที่จมูกรั้นๆของคนเป็นลูกชายอีกครั้ง อี้ชิงที่เห็นภาพนั้นก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ อี้ชิงคิดถูกที่ขอร้องให้ชานยอลไว้ชีวิตของอี้ฝาน เพราะไม่รู้ว่าตนคนเดียวจะสามารถเลี้ยงลูกได้ดีหรือเปล่า







            พรึ่บบบบ


          อี้ชิงในร่างของหมาป่าพาอี้ฝานที่นอนสลบอยู่บนหลังของตัวเองลัดเลาะมาทางป่าไม้ที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์มากมายอีกทั้งยังมีหุบเหวลึกที่เป็นอุปสรรคให้อี้ชิงต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น


          ร่างเล็กพาร่างอันบอบช้ำของอี้ฝานวิ่งมาเรื่อยๆจนถึงปลายลำธารแห่งหนึ่งที่มีน้ำใสไหลตามแนวยาวลงไปด้านล่างซึ่งเป็นหุบเหว สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ไม่ค่อยมีให้เห็น เนื่องจากคืนนี้เป็นคือพระจันทร์เต็มดวงแถมยังเป็นสีแดงฉาด สันชาตญาณของสัตว์ย่อมหาที่ปลอดภัยกำบังตัว อี้ชิงค่อยๆวางร่างของอี้ฝานลงบนผืนหญ้าช้าๆ ก่อนจะกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ดั่งเดิม


          พรึ่บบบ


          ร่างบางสะบัดผ้าที่ใช้คลุมตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆใช้มันซับเลือดที่บริเวณใบหน้าของอี้ฝาน รอยเลือดเป็นทางยาวเนื่องจากโดนชานยอลใช้กรงเล็บตะบบเข้าเต็มๆทำให้ได้แผลเต็มแก้มข้างขวา ไหนจะรอยเลือดที่ไหลออกมาจากบริเวณศีรษะอีก ตอนนี้อี้ฝานดูบอบช้ำจนน่าใจหาย


          “ฮึก...ฮึก.”


          อี้ชิงใช้ผ้าซับเลือดบนใบหน้าอี้ฝานไปพลางร้องไห้ไป เขาสงสารร่างสูงจับใจ อยากจะถ่ายทอดความเจ็บปวดที่อี้ฝานได้รับมาสู่ตัวเองบาง เขาไม่อยากเห็นคนที่ตัวเองรักทรมาณจากบาดแผลจากการต่อสู้ อี้ชิงไม่อยากให้พ่อของตัวเล็กในท้องต้องเจ็บ


          “ท่านพี่...ฮึก ได้ยินข้าหรือเปล่า”


          อี้ชิงประคองศีรษะของอี้ฝานมาวางบนบนตักของตัวเองอย่างทะนุถนอม พลางลูบไปที่เส้นผมที่ชื้นเหงื่อและไหนจะเลือดที่บาดแผลบนศีรษะแต่อี้ชิงก็ไม่ได้รังเกียจ ร่างบางกดจูบลงไปที่ขมับของอี้ฝานเบาๆอย่างแสนรัก ถึงแม้ตัวเขาจะเป็นแค่เครื่องบรรณาการจากไทโร แต่เขาก็เป็นเพียงแค่หมาป่าตัวหนึ่งที่มีหัวใจและพร้อมจะรักใครสักคน และคนๆนั้นก็คืออี้ฝาน พ่อของลูกเขา


          “ได้โปรด...ตื่นเถิดนะท่านพี่ ข้ากับลูกรอท่านอยู่”


          อี้ชิงใช้หน้าผากตนแนบไปกับหน้าผากของอี้ฝาน ก่อนร่างบางจะตัดสินใจหยิบยาที่จองฮันให้ตนมาเปิดฝา ก่อนจะเอาเข้าปากตัวเองจนหมดแล้วประกบไปที่ริมฝีปากของอี้ฝาน ก่อนจะส่งยานั้นเข้าสู่โพลงปากหนาเพื่อจบสิ้นทุกอย่าง


          หลังจากอี้ฝานตื่นขึ้นมาเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาที่มีอี้ชิงเป็นภรรยาและมีลูกหมาป่าตัวน้อยๆวิ่งวุ่นให้ชื่นใจ ไม่มีอำนาจแห่งฝูงทีซัส ไม่มีลูกสมุนคอยรับใช้ ไม่มีที่อยู่หรืออาหารที่ดี แต่อี้ฝานจะมีอี้ชิงและลูกอยู่ด้วยกันตลอดไป....









          “อี้ชิง..ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าลุกๆ”


          เสียงอันทรงพลังเอ่ยดุอี้ชิงน้อยๆเมื่อเห็นว่าคนเป็นภรรยาขัดคำสั่งของตนที่สั่งห้ามไม่ให้อี้ชิงลุกเหินเดินไปไหน เนื่องจากครรภ์ที่ใกล้คลอดนั้นแล้วอี้ฝานไม่ไว้วางใจที่จะให้อี้ชิงทำงานหนัก


          “ข้าแค่ลุกจากตรงนั้นเดินมาตรงนี้เองอี้ฝาน มันใกล้กันนิดเดียวเอง”


          อี้ชิงเอ่ยกับอี้ฝานด้วยน้ำเสียงแกมขบขัน แต่อี้ฝานกลับไม่สนุกด้วย ร่างสูงวางตะกร้าผักลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเขามาอุ้มอี้ชิงด้วยท่าเจ้าสาวจนร่างบางต้องคว้าคอรร่างสูงเอาไว้ด้วยความตกใจ


          “โอ๊ะ!!  ท่านเล่นอะไรของท่านอี้ฝาน ประเดี๋ยวลูกก็ตกใจหรอก”


          อี้ชิงเอ่ยดุเพราะไม่ค่อยจะพอใจร่างสูงเท่าไหร่ ตัวเองตัวโตอย่างกับยักษ์ ถึงแม้จะออมแรงแล้วก็เถอะ แต่อี้ชิงคิดว่ามันก็รุนแรงพอจะกระทบถึงลูกในท้องได้


          “ไม่ต้องมาบ่นข้าเลย ที่ข้าพูดกับเจ้าปากเปียกปากแฉะแต่เจ้าก็ไม่ฟังข้าเลย”


          อี้ฝานพูดกับคนในอ้อมอกก่อนจะพาหันหลังพาอี้ชิงเข้าไปในเพิงบ้านซึ่งเป็นที่พักของพวกเขา ภายในเพิงอากาศอบอุ่นเพราะอี้ฝานจุดไฟจากเตาผิงไว้ตลอดเวลา ข้างนอกอากาศหนาวและคงไม่ดีแน่ถ้าอี้ชิงจะอยู่ในที่ที่หนาวนานๆ


          “อี้ฝานพูดมาก แถมยังขี้บ่น ข้ารู้ถึงเลเวลของตัวเองหรอก ถ้าไม่ไหวข้าก็จะไม่ลุก ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ข้ายังไหวจะให้ข้านั่งๆนอนๆอย่างเดียว ข้าก็เบื่อน่ะสิ”


          อี้ชิงพูดออกมายืดยาวก่อนจะค้อนใส่อี้ฝานไปวงใหญ่ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรแต่แอบจุดยิ้มที่มุมปากเบาๆ อี้ฝานพาอี้ชิงมาวางไว้บนเตียงนุ่มซึ่งมีฝูกหนาที่ใช้บรรเทาความหนาวตั้งไว้ แต่อี้ชิงคิดว่าเครื่องบรรเทาความหนาวไหนๆก็สู้อกอุ่นๆจากผู้เป็นสามีของตนไม่ได้


          “ข้าเป็นห่วง....”


          เพียงแค่สามคำที่ร่างสูงเอ่ยออกมาก็สยบทุกความเคลื่อนไหวของอี้ชิง ร่างบางก้มหน้าลงพลางยิ้มเขินจนเกิดเป็นรอยบุ๋มน่ารักที่แก้มขวา อี้ฝานเห็นดังนั้นก็ขโมยหอมแก้มขาวๆและนุ่มนิ่มนั้นไปหนึ่งที


          ฟอดดดด


          “แก้มเจ้าหอมที่สุด”


          “อี้ฝานบ้า....”


          อี้ชิงพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับทุบไปที่อกแกร่งของสามี อี้ฝานเลยรวบร่างอวบอูมใกล้คลอดของอี้ชิงมาไว้ในอ้อมอกของตัวเอง เล่นเอาแม่กระต่ายน้อยในร่างหมาป่าอายมวนจนแก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง


          “ข้าพูดจริงๆ แก้มเจ้าหอมที่สุด นี่ก็หอม ตรงนี้ก็หอม หอมไปหมด..”


          อี้ฝานพูดพลางกดจูบไปยังกกหู ซอกคอ และปิดท้ายที่ตรงท้องโตๆที่มีสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่นาน อี้ฝานกดจูบลงไปที่ท้องกลมๆของอี้ชิงเบาๆ พร้อมทั้งใช้มือตัวเองเลิกชายเสื้ออี้ชิงให้เปิดขึ้นจนเห็นท้องขาวๆ


          “แปบเดียวแล้วนะลูก...เราก็จะได้เจอกันแล้ว...”


          อี้ฝานพูดกับท้องกลมๆนั้น พลางใช้แนบหน้าข้างขวาของตัวเองลงกับหน้าท้องของอี้ชิงเพื่อฟังเสียงที่ตัวเล็กดิ้น อี้ฝานชอบทำแบบนี้เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่เขาจะได้ทักทายกับลูก


          อี้ชิงยิ้มให้กับภาพตรงหน้า พลางใช้มือลูบไปที่ศีรษะที่ไร้ผมของอี้ฝานเบาๆ พลันน้ำตาแห่งความปิติก็แทบไหลออกมา เขาอยากขอบคุณทุกอย่างจริงๆที่ทำให้มีวันนี้ ขอบคุณชานยอลและแบคฮยอนที่ไว้ชีวิตอี้ฝานตามคำขอ ขอบคุณยาตัวนั้นของจองฮันที่ทำให้อี้ฝานลืมความแค้นในอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับตน


          และขอบคุณตัวเล็กที่มาเกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่นะ J















วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ติดสัดครั้งที่สิบสี่





ตอนที่ 14



          “ที่จริงแล้ว ราชินีแบคฮยอนยังไม่ตาย...”


            ชานยอลและเซฮุนรวมไปถึงแบคโฮต่างนั่งจ้องมองไปยังบุคคลที่ชื่อยุนจองฮันราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่พูด ชานยอลนั่งทบทวนประโยคนั้นไปมาซ้ำๆในหัว


            แบคฮยอนยังไม่ตาย  


            ใช่คนๆนี้บอกว่าแบคฮยอนยังไม่ตาย!


            “เจ้า...เจ้าพูดอะไรออกมา ขะ..ข้าเห็นกับตา..วะ..ว่า แบคฮยอน...”


            กว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ ชานยอลแทบหาลิ้นของตัวเองไม่เจอ น้ำในตาก็พลัยจะหลั่งไหลริน เขาจ้องไปที่จองฮันอย่างต้องการคำตอบและก็พบว่าแววตาที่จองฮันใช้มองมาที่ตนนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไร้การโกหก


            “จริงขอรับ..ข้ารับรองได้ว่าแบคฮยอนยังไม่ตาย บุคคลที่ช่วยเหลือเขาไว้คือมาคัล มาคัลพาแบคฮยอนที่บอบช้ำไปทั้งตัวหนีฝูงทีซัสที่ระคายว่าแบคฮยอนยังไม่ตายจนมาเจอกับพ่อของข้าที่ท้ายป่าของฝูงไทโร พ่อของข้าเป็นหมอสมุนไพร ก็เลยรักษาแบคฮยอนจนหายดี ยกเว้นความทรงจำของเขาที่มิอาจกู้กลับคืนมาได้เนื่องจากเกิดการกระทบกระเทือนอย่างหนัก..”


            สิ่งมีชีวิตทั้งสามที่อยู่ในห้องนี้เงียบนิ่ง ไร้การตอบสนองเมื่อจองฮันได้บอกกล่าวเรื่องจริงทีไม่มีใครรับรองนอกจากเขาพ่อของเขาละมาคัล


            “และที่แบคฮยอนต้องหนีไปยังโลกมนุษย์เป็นเพราะข้าเอง เพราะฝูงทีซัสเริ่มออกตามล่าหาตัวแบคฮยอนอย่างจริงจังข้าจึงได้ปรึกษากับท่านพ่อจนได้ทางออกคือให้มาคัลพาแบคฮยอนหนีไปยังโลกมนุษยื เพราะคิดว่าที่นั้นจะซ่อนตัวได้ดีกว่าที่นี้...”


            จองฮันพูดได้แค่นั้นก็หลุบตาต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วตัดสินใจเล่าถึงสิ่งสำคัญที่ตนมอบให้กับมาคัลเพื่อให้แบคฮยอนดื่ม


            “ข้าได้นำยาลบความทรงจำที่พ่อข้าเป็นคนปรุงขึ้นมาให้แบคฮยอนกิน ให้เขาลืมความทรงจำของที่นี้ให้หมด เพื่อที่จะได้ไปอยู่ที่โลกมนุษย์อย่างไร้ข้อกังขา เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป...”


            ชานยอลถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือของตัวเองลูบไปที่ใบหน้าทั้งสองข้าง ดวงตาแดงก้ำจากการสกัดกั้นน้ำตา เขาสงสารแบคฮยอน สงสารคนรักจับใจ


            “ยาลบความทรงจำ...อย่างนั้นรึ”


            เป็นเซฮุนที่เอ่ยถามออกมา แต่เหมือนกับเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า จองฮันพยักหน้ารับ พร้อมกับมองไปยังแบคโฮที่ยืนทำหน้านิ่งๆคิ้วขมวดอยู่ข้างหลังชานยอล


          “ขอรับ..ยาลบความจำ แต่ท่านพ่อของข้าไม่ได้ทำยาปรุงสำหรับแก้ขึ้นมาไม่ทันจะสำเร็จ ท่านก็ดัน..มาจากไปเสียก่อน...”


            จองฮันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเมื่อเอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ จองฮันยังจำได้ดีถึงวันที่พ่อของเขาโดนฝูงทีซัสฆ่าไปต่อหน้าต่อตา ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้หนีไปเจอแบคโฮที่ลาดตระเวนอยู่ที่ป่าใกล้ๆนั้น เขาก็คงจะได้ตายตามพ่อเขาไปแล้ว


            เซฮุนพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับส่งสายตาแสดงความเป็นห่วงไปให้ จองฮันก็ต้องเจอกับอะไรมากมาย ไหนทั้งยังต้องหลบๆซ่อนๆการไล่ล่าจากฝูงทีซัสอีก


            “แล้วทำอย่างไร..ความทรงจำของแบคฮยอนจะกลับมา...บอกข้าได้ไหมยุนจองฮัน”


            ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตอนนี้ในใจของเขามันตีรวนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายยากจะบรรยาย ไหนจะความรู้สึกดีใจที่แบคฮยอนยังไม่ตาย และไหนจะความรู้สึกกังวล สับสนและหวาดกลัว...


            “ข้าบอกไม่ได้มากหรอกท่าน เพราะข้าเองก็ไม่รู้ ข้าเองก็รู้เรื่องสมุนไพรแค่พื้นฐาน คงจะไปปรุงยาต่อจากท่านพ่อข้าไม่ได้ แต่ข้าก็หวัง...หวังว่าความรักจากพวกท่านชาวมีคาร์ลจะทำให้แบคฮยอนกลับมาจำได้...โดยเฉพาะท่านกับลูก...”


            ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองจองฮันอีกครั้งหลังจากที่จองฮันพูดจบ เขาเห็นจองฮันยิ้มบางๆมาให้เขา พลางล้วงมือไปในกระเป๋าของเสื้อคลุมสีดำแล้วล้วงเอาบางสิ่งออกมาให้กับชานยอล


            “นี่เป็นสิ่งที่แบคฮยอนนำติดตัวเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่กับพ่อของข้า....”


            จี้โลหะรูปพระจันทร์เสี้ยวครึ่งหนึ่งที่เขาให้ไว้กับแบคฮยอน


            “ข้าแอบเห้นว่าแบคฮยอนชอบมองมันบ่อยๆและแทบไม่ถอดออกจากคอเลย...จนกระทั่งมาคัลพาเขามายังโลกมนุษย์ ข้าเลยเก็บเอาไว้ให้ ถึงแม้แบคฮยอนจะจำเรื่องต่างๆไม่ได้ แต่จิตใต้สำนึกของเขาจำได้ว่าของสิ่งนี้สำคัญกับเขา”


            ส่วนจี้เสี้ยวพระจันทร์อีกเส้น ชานยอลได้ให้ไว้กับมินกิ เพราะทั้งสองคือดวงจันทร์ที่เต็มดวงของชานยอล ปาร์คแบคฮยอนและปาร์คมินกิคือพระจันทร์ดวงโตที่สวยที่สุดของปาร์คชานยอล


          “จงใช้ความรักของท่านและลูก นำความทรงจำของแบคฮยอนกลับมา...ข้าเชื่อในปาฎิหารย์นะท่านชาร์ล...”








            แบคฮยอนลูบไล้ไปตามศีรษะของมินกิน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเบาๆ ใบหน้าสวยหวานอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูให้กับความน่ารักของมินกิที่ดุกี่ทีก็ไม่น่าเบื่อ กลับกันมันกลับแบคฮยอนอยากมองภาพนี้ไปนานๆ       


            “มินกิหลับแล้วหรือขอรับราชินี...”


            เป็นเสียงของลู่หานที่ดังขึ้นจากข้างนอกห้อง ก่อนที่ร่างอรชรของเจ้าตัวจะก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน แบคฮยอนพยักหน้าให้ช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มบาง ก่อนจะหันมามองใบหน้ายามหลับใหลของมินกิอีกครั้ง ลู่หานมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง ภาพสวยงามที่ห่างหายไปนาน


            “ราชินีไปพักผ่อนเถอะขอรับ...ข้าได้ไปจัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวนายน้อยมินกิตื่นจะมาได้ทานอาหารกัน”


            ลู่หานเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปช่วยพยุงแบคฮยอนออกจากเตียงนอนของมินกิ แบคฮยอนค่อยๆก้าวออกมาช้าๆ เพราะเกรงว่าจะรบกวนเวลาการหลับของมินกิ


            “เชิญทางนี้ขอรับ..”


            ลู่หานผายมือไปยังหน้าประตูก่อนจะก่อนๆเดินออกมาเพื่อนำทางให้แบคฮยอนเดินไปยังห้องของชานยอลที่เขาเพิ่งเข้าไปจัดไว้ให้ แต่ก่อนที่ลู่หานจะได้เดินไปไกลก็ต้องชะงักเมื่อแขนของลู่หานถูกแบคฮยอนจับไว้ ลู่หานหันมามองหน้าแบคฮยอนอย่างสงสัยแต่ก็ยังส่งรอยยิ้มบางๆไปให้แบคฮยอนที่ยืนเม้มปากอยู่


            “มีอะไรหรือขอรับราชินี....”


            เอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนยังคงยืนนิ่งอยู่ แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจตีรวนไปด้วยความรู้สึกต่างๆอย่างที่คาดเดาไม่ถึงมาก่อน เพียงแค่มองหน้าลู่หานก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมา แบคฮยอนยิ้มให้ลู่หานก่อนจะเดินเข้าไปกอดร่างของลู่หานเอาไว้แน่น ฝ่ายลู่หานที่นิ่งอึ้งไปก็โอบกอดแบคฮยอนกลับไป ใบหน้าหวานของลู่หานอาบไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาดุจดั่งกวางก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา


                “ขอบคุณนะลู่หาน....ขอบคุณที่ดูแลมินกิมาตลอดน่ะ...”


            ลู่หานระบายยิ้มอีกคราพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม แต่หาใช่น้ำตาแห่งความเศร้าไม่ แต่มันคือน้ำตาแห่งความปิติที่ลู่หานรู้สึกอยุ่ ณ ตอนนี้ เขาทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับแบคฮยอนได้แล้วว่าจะดูแลนายน้อยมินกิให้ดี


            “ขอบคุณที่เชื่อใจลู่หานนะขอรับ...ราชินี..”               









          แบคฮยอนเดินเข้ามาภายในห้องกว้างที่ภายในดูอลังการไปหมดจนแบคฮยอนตกใจ ว่าประสาทที่โลกมนุษย์ของชานยอลหรูแล้ว พอเจอที่นี้เข้าไปจึงรู้ได้ทันทีว่าที่โลกมนุษย์นั่นด้อยค่าไปเลย


            แบคฮยอนเดินสำรวจห้องไปเรื่อยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้น ร่างบางหันไปมองยังต้นเสียงก็พบกับบุรุษร่างสูงใหญ่สง่างามของชานยอลเดินเข้ามา แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆไปให้ชานยอล ก่อนจะได้รับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นกลับมา แต่แบคฮยอนก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของชานยอลที่ใช้มองตนนั้นสั่นระริกและวูบไหวจนแบคฮยอนแปลกใจ ก่อนจะร้องอุทานออกมาเบาๆเมื่อโดนร่างสูงโถมใส่เข้ากอดโดยไม่ทันตั้งตัว


            “ชะ..ชานยอล..”       


            แบคฮยอนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเบาๆ พลางกอดตอบกลับไป ใช้ฝ่ามือบางๆของตัวเองลูบไปที่แผ่นหลังกว้างของชานยอลอย่างปลอบประโลม


            “ยอดรัก...ยอดรักของข้า..”


            ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า พลางจูบซับไปตามลำคอของแบคฮยอนด้วยความคิดถึง คนในอ้อมกอดของชานยอลในตอนนี้คือคนรักของเขา คือแบคฮยอนแม่ของมินกิ แบคฮยอนผู้เป็นคู่ทุกข์คู่ยากของเขา..


            “อื้อออ...”


            ชานยอลพรมจูบไปตามลำคอของแบคฮยอนก่อนจะวกกลับไปจูบซับตามมุมปาก แก้มนุ่ม หางตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว สันจมูกของแบคฮยอน ก่อนจะจบที่ริมฝีปากสีเชอรี่ ก่อจะถอนริมฝีปากอกจากกัน แล้วใช้หน้าผากของตัวเองแนบไปกับหน้าผากของแบคฮยอน


            “ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ ยอดรัก...รักจนมิอาจรักใครได้อีกแล้วในชีวิต ขอบคุณแบคฮยอน ขอบคุณที่ยังอยู่นะยอดรัก...”


            ชานยอลมอบจูบที่ดูดดื่มเกือบปริดชีวิตให้แก่แบคฮยอนอีกครา ก่อนจะค่อยๆช้อนตัวแบคฮยอนขึ้นไว้แนบอก แล้วพาร่างบอบบางของแบคฮยอนไปยังเตียงหลังกว้างที่เขาใช้นอนคนเดียวมาเป็นร้อยปี หลังจากนี้เตียงหลังนี้จะมีเขาและแบคฮยอนกลับมานอนอีกครั้ง


            “ชะ..ชานยอล...อื้อออ”


            แบคฮยอนผลิกใบหน้าไปมาอย่างเสียวซ่าน พร้อมกับเอ่ยชื่อคนด้านบนที่กำลังมอบความสุขให้กับตัวเองอย่างลืมตัว กรงเล็บสวยขูดเกี่ยวไปที่แผ่นหลังกว้างดูสง่าชื่นเหงื่อของชานยอล พร้อมทั้งกรีดร้องออกมาเมื่อตนถึงสุดทางสวรรค์


            ชานยอลหอบถี่หายใจเร็วรัวพร้อมกับโถมกายเข้าในร่างของแบคฮยอนที่นอนอยู่ด้านล่าง ใบหน้าสวยบิดเบ้ไปด้วยความเสียวซ่านยามที่ชานยอลส่งแก่นกายเข้ามาถี่รัว ก่อนจะกรีดร้องออกมาอีกครั้งจนแผ่นหลังโก่งเป็นคันศร เมื่อชานยอลไปถึงจุดสวรรค์อีกคน


            ชานยอลล้มตัวลงโอบกอดร่างชื่นเหงื่อของแบคฮยอนเอาไว้ในแผ่นอกแกร่ง จูบซับไปยังใบหน้าที่ชื่นเหงื่อของแบคฮยอน ร่างบางยังคงนอนหลับตาพริ้มหอบหายใจถี่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะค่อยๆขมวดคิ้วและใช้เล็บจิกลงไปยังลาดไหล่แข็งแรงของชานยอลพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะตอนนี้ร่างของชานยอลกับแบคฮยอนได้ยึดติดกันเป็นที่เรียบร้อย


            แบคฮยอนสะอื้นออกมาเบาๆเพราะความเจ็บและความเซียวซ่าน จิกเล็บลงไปแรงขึ้นจนชานยอลซี๊ดปาก ก่อนจะใช้มือจับใบหน้าของแบคฮยอนให้จ้องมองตนแล้วก้มลงไปจูบเพื่อปลอบใจเด็กน้อยของเขา


            “อื้อออ....”     


            ทั้งสองจูบกันไปชั่วครู่ ก่อนจะเป็นแผบคฮยอนที่ผละใบหน้าออกมาแล้วครางเสียงยาวเมื่อรับรู้ว่าชานยอลได้ส่งน้ำสืบพันธุ์เข้ามาในตัวของตนแล้ว ร่างบางเผยอปากจิ้มลิ้มเพื่อกอบโกยอากาศหายใจอย่างน่าเอ็นดู


            แบคฮยอนค่อยๆปรือตาขึ้นมามองชานยอล ที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆกลับไปให้ชานยอลเช่นกัน ก่อนร่างสูงด้านบนจะก้มลงมาใกล้ใบหน้าแบคฮยอนจนปลายจมูกแนบชิดกัน


            “รัก....ข้ารักเจ้าแบคฮยอน...”


            รัก....


            คำๆเดียวที่ปาร์คชานยอลสามารถบอกแบคฮยอนได้ทุกวัน ตลอดชีวิต......    








          ผ่านไปสองเดือนแล้ว....


            สองเดือนที่แบคฮยอนอาศัยอยู่ที่นี้ ซึ่งทุกคนต่างเรียกว่าฝูงมีคาร์ล สถานที่สวยงามและอบอุ่น แบคฮยอนอธิบายเป็นคำพูดไปถูกเลยว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่ที่นี้กับทุกๆคน


            ผู้คนที่นี้รักและเอ็นดูแบคฮยอนมาก อีกทังยังให้ความเคารพยำเกรงในตัวของแบคฮยอนจนบางทีร่างบางรู้สึกเกร็ง แต่เป็นเพราะชานยอลบอกว่าเขาคือราชินีแห่งฝูงมีคาร์ล เพราะฉะนั้นก็ถูกแล้วที่ทุกคนจะให้ความเคารพรองจากเขาเอง


            “ท่านแม่มาอยู่ที่นี้เอง ข้าตามหาเสียให้วุ่น”


            เสียงเจื้อยแจ้วน่ารักดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนมินกิจะโถมตัวเขาโอบแบคฮยอนเต็มแรงพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักออกมา แบคฮยอนกระชับมือของมินกิที่กอดเอวเอาไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยด้านหลัง


            “มีอะไรหรือเปล่ามินกิ..”      


            เอ่ยถามทั้งที่ยังส่งรอยยิ้มใจดีไปให้ มินกิหอมแก้มมารดาไปฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยมือที่กอดแบคฮยอนไว้แล้วเปลี่ยนมาเป็นดึงข้อมือร่างบางให้ลุกขึ้นแทน


            “ไปหาอาลู่หานที่ห้องกันท่านแม่ เมื่อกี้ข้าเห็นนางรับใช้ของท่านอาพาท่านหมอเข้าไปให้ห้องพัก ข้าอยากรู้ว่าท่านอาเป็นอะไรเลยมาตามท่านแม่ไปดูกับข้า”


            มินกิเอ่ยอธิบายเสร็จสรรพก็ดึงคนเป็นแม่ลุกขึ้นได้สำเร็จ แบคฮยอนมีสีหน้ากังวลน้อยๆเมื่อรับรู้ข่าวที่หมอเข้าพบลู่หาน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับมินกิแล้วเดินไปยังห้องนอนของลู่หานและเซฮุนทันที

.

.

.

.

            “ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”               


            ทันทีที่ประตูห้องนอนถูกเปิด มินกิก็พาตัวเองและแบคฮยอนมายืนอยู่ข้างๆเตียงนอน โดยบนเตียงมีลู่หานที่หน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือดนั่งพิงไปกับอกแกร่งของเซฮุนเพื่อสะดวกในการดูอาการของหมอ


            “เป็นอะไรหรือเปล่า..ลู่หาน”


            แบคฮยอนเองก็เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าสีหน้าของลู่หานไม่ค่อยจะดี พลางจ้องมองหมอประจำฝูงตรวจร่างกายของลู่หานอย่างกังวล


            “ข้าไม่เป็นอะไร..ขอรับ แค่หน้ามืดและเวียนหัว..ชั่วครู่ก็คงหาย”


            คนป่วยที่นั่งพิงอกผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบๆไม่มีแรง แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มมาให้สองแม่ลูกที่ยืนสีหน้าเป็นกังวลอยู่ข้างๆเตียง


            “ตกลงลู่หานเป็นอะไรหรือท่านหมอ”        


            คราวนี้เป็นเสียงของเซฮุนที่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจไม่แพ้กัน ปกติลู่หานแข็งแรงจะตาย เจ็บป่วยนับครั้งได้ แต่มาคราวนี้ผู้เป็นภรรยาของเขาป่วยทรุดแลดูน่าสงสารจนเขาร้อนใจ


          “ขอกระหม่อมตรวจชีพจรนายหญิงได้หรือไม่ขอรับ”


            เสียงของหมอผู้สูงวัยเอ่ยขึ้น ลู่หานพยักหน้า ก่อนจะส่งมืออ่อนแรงของตนไปให้ท่านหมอตรวจ เป็นมินกิที่เข้ามาช่วยเซฮุนพยุงลู่หานเมื่อเห็นว่าร่างของลู่หานไม่มีแรงจนน่าตกใจ


            “เราเพลียมากเลยท่านหมอ...เวียนหัวไปหมด”


            ลู่หานเอ่ยบอกอาการกับคนเป็นหมอไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เซฮุนพยุงร่างของภรรยาเอาไว้ในอ้อมอกก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง อาการของลู่หานแปลกๆจนเขาร้อนรุ่มไปหมดทั้งใจ กลัวว่าอาการแบบนี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรง


            “ช่วงนี้นายหญิงเบื่ออาหารด้วยใช่ไหมขอรับ”


            จู่ๆเสียงท่านหมอก็ดังขึ้น พลางเงยหน้าไปมองนายหญิงของฝูงด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้เซฮุน มินกิ และแบคฮยอนงงงวยไปตามๆกัน ท่านหมอละมือมือจากข้อมือของลู่หาน ร่างบางพยักหน้าตอบรับ


            “ใช่..ช่วงนี้เราเบื่อๆอาหาร แต่ก็ยังทานได้ แต่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน”


            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการป่วยของลู่หานกันหรือท่านหมอ ลู่หานเป็นอะไร ข้าร้อนใจไปหมดแล้วน่ะ!


            เซฮุนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ท่านหมอได้แต่เลิกลั่กลุกขึ้นยืนพลางก้มตัวโค้งต่ำเพื่อเป็นการขออภัยรองจ่าฝูง ลู่หานกระชับมือของร่างสูงเอาไว้แล้วบีบเบาๆเป็นเชิงบอกให้เซฮุนใจเย็น


            “ข้าขออภัยขอรับท่านเซฮุน แต่ที่ข้าถามนายหญิงนั่นเพื่อความแน่ใจขอรับ”


            “แน่ใจเรื่องอันใดกันท่านหมอ”


            ลู่หานถามขึ้นอีกคราเมื่อเห็นท่าทางของท่านหมอ พลางกุมกระชับมือหนาของเซฮุนไว้แน่น เขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาได้


            “ไม่ต้องเป็นกังวลไปขอรับ นายหญิงไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงเพียงแต่ที่ข้าจับชีพจรนายหญิงเมื่อกี้และได้ไต่ถามถึงอาการแปลกของท่านก็พบว่า....นายหญิงกำลังตั้งครรภ์อ่อนขอรับ"


            “!!!


            ทันทีที่ท่านหมอเอ่ยประโยคนั้นจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบรวมไปถึงลู่หานและเซฮุนเองที่ตอนนี้นิ่งเงียบไป ก่อนที่ริมฝีปากหนาของเซฮุนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วโอบกอดคนเป็นภรรยาแนบแน่น


            “ลู่หาน...เจ้า..เจ้าท้องแล้ว ข้า..ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้วฮ่าๆๆ”


            เซฮุนระเบิดหัวเราะออกมาก่อนจะหอมไปที่แก้มนุ่มของลู่หานที่ร้องไห้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มินกิอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสวมกอดคนเป็นอาเพื่อแสดงความยินดี แบคฮยอนเองก็ยืนยิ้มอย่างปิติอยู่ข้างๆเตียง เรื่องที่นายหญิงแห่งฝูงมีคาร์ลตั้งครรภ์คงจะเป็นเรื่องดีๆที่ประชากรทุกคนรอคอยมานานเป็นแน่


            “และเรื่องที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือตอนที่ข้าได้จับชีพจรของนายหญิง ปรากฏว่าข้ามิได้ ได้ยินเสียงของหัวใจเพียงแค่ดวงเดียว..”


            “...??


            “แต่ข้ากลับได้ยินถึง...สองดวง”             









            พรึ่บบบ


            จองฮันหันไปด้านหลังทันทีเมื่อได้ยินถึงการเคลื่อนไหวในระยะประชิด ร่างบางใช้ผ้าคลุมใบหน้าสีดำคลุมใบหน้าให้กระชับขี้น ก่อนจะรีบเร่งเท้าเพื่อออกไปจากป่านี้โดยเร็ว พอพ้นป่านี้แล้ว จองฮันก็จะถึงหมู่มีคาร์ลที่ตัวเองใช่หลบซ่อนตัวอยู่


            “อ๊ะ!


            แต่ก่อนที่จองฮันจะเดินไปได้ไกล จู่ๆก็มีแรงปะทะเข้าทางด้านหลังจนร่างบางเซล้มไปด้านหน้าจนห่อสมุนไพรที่ตนหามาได้หกเกลื่อนกลาด จองฮันหันไปมองทางด้านหลังทันทีก่อนจะเบิกตากว้าง


            “ไง....หมาป่าน้อย..หึ!!


            เสียงทุ้มดังกังวานไปทั่วบริเวณ จองฮันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าบุคคลตรงหน้าคือหัวหน้าฝูงทีซัส นามว่าอู๋อี้ฝาน กำลังยืนแสยะยิ้มมาให้ตนพร้อมกับในตาสีแดงเพลิงน่ากลัว


            “อย่าคิดว่าหนีมาอยู่ในฝูงห่วยๆแบบนี้แล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้นะ..คนสวย
                                               


            จองฮันค่อยๆกระเถิบร่างหนีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเดินเข้ามาหาตนเรื่อยๆ ก่อนจะคำรามลั่นออกมาจนจองฮันน้ำตาร่วงด้วยความกลัวจับใจ เขาเป็นแค่หมาป่าชั้นล่างคงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับหมาป่าระดับหัวหน้าอย่างอี้ฝานได้


            “ได้เวลาตามไปอยู่กับพ่อเจ้าแล้วน่ะ...เด็กดี”


            จองฮันหลับตาลงช้าๆทันทีเมื่ออี้ฝานเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาคงหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เพราะตอนนี้มีหมาป่าของฝูงที่ซัสอีกกว่าสิบตัวกำลังจ้องจะฆ่าเขาอยู่ตรงหน้า อี้ฝานพูดจบก็แปลงกายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ก่อนจะกระโจนเข้าใส่จองฮันทันที


            กรอดดดดด!!!!!’


            แต่ก่อนที่อี้ฝานจะกระโจนเข้าถึงร่างของจองฮัน จู่ๆก็มีเสียงคำรามจากดังออกมาจากทิศเหนือ อี้ฝานและลูกสมุนหันไปดูก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีหมาป่าตัวสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาทางตนด้วยความเร็วก่อนจะกระแทกร่างของอี้ฝานจนกระเด็นออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว


            แต่ก่อนที่อี้ฝานจะได้ลุกขึ้นและหมาป่าตัวอื่นที่กำลังชุลมุนอยู่ หมาป่าตัวสีน้ำตาลตัวนั้นก็ใช้ฟันงับคอเสื้อของจองฮันก่อนจะตวัดร่างบอบบางขึ้นไปบนหลังของตัวเองแล้วออกวิ่งหนีไปยังฝูงมีคาร์ลทันที


          “กรอดดด!!! ไม่ต้องตามไป!!!


            อี้ฝานที่ลุกขึ้นได้คำรามออกมากู่ก้องก่อนจะส่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวสั่งลูกน้องที่กำลังจะวิ่งตามไป อี้ฝานจ้องมองไปยังหมาป่าตัวนั้นที่พายุนจองฮันหนีหายออกไปจากป่าแล้วด้วยความคับแค้นใจ


          มาคัล...ไอ้คนทรยศ


            หึ!! อย่าคิดว่าจะหนีไปยังฝูงมีคาร์ลแล้วจะหนีพ้น อย่าเพิ่งได้ใจไป...เพราะสงครามมันกำลังจะเริ่มนับจากนี้ต่างหาก!!!